Economics

เนต้า ออโต้ MOU กรมสรรพสามิต เข้าร่วม ‘มาตรการ EV 3.5’ เป็นรายที่ 8 ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า

เนต้า ออโต้ MOU กรมสรรพสามิต เข้าร่วม “มาตรการ EV 3.5” เป็นรายที่ 8 ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

ดร. เอกนิติ  นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า EV 3.5 ในช่วงปี 2567-2570 เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญในประเทศไทยนั้น

มาตรการ EV 3.5

เนต้า ออโต้ เข้าร่วมมาตรการอีวี 3.5 ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า

ล่าสุด  เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 กรมสรรพสามิตได้ร่วมลงนามในข้อตกลงการรับสิทธิตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 กับบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด โดยนายชู กังจื้อ กรรมการบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด

กรมสรรพสามิตได้ขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า EV 3.5 ในช่วงปี 2567 – 2570 เพื่อส่งเสริมและสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน พร้อมทั้งขยายโอกาสของประเทศไทยในเวทีโลกในการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคตามนโยบาย 30@30 ที่ตั้งเป้าการผลิตยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicle: ZEV) ให้ได้อย่างน้อย 30% พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030)

สอดคล้องกับบทบาทสำคัญของกรมสรรพสามิตในการก้าวสู่กรม ESG ด้วยยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาษีสรรพสามิต สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

มาตรการ EV 3.5

ค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการ

ทั้งนี้ มีบริษัทที่ได้เข้าร่วมลงนามในข้อตกลงการรับสิทธิตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 เพื่อรับการสนับสนุนจากกรมสรรพสามิตในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 7 ราย ประกอบด้วย

  1. บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
  2. บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ ซีพี จำกัด
  3. บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
  4. บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด
  5. บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
  6. บริษัท เรเว่ คอมเมอร์เชียล วีฮิเคิลส์ จำกัด
  7. บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด

มาตรการ EV 3.5

คาดนำเข้ารถอีวีปี 2567-2568 ราว 175,000 คัน

ดร. เอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดการณ์ว่าจะมีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากมาตรการ EV 3.5 ประมาณ 175,000 คัน ในปี 2567-2568 ส่งผลให้เกิดการผลิตรถยนต์ภายในประเทศ ประมาณ 350,000 – 525,000 คัน ภายในปี 2570

มาตรการ EV 3.5 นี้ จะช่วยสนับสนุนความเป็นกลางทางคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตามยุทธศาสตร์ ESG ของกรมสรรพสามิตในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อเดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน

สำหรับผู้ที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือที่ www.excise.go.th

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo