พร้อมไหม ที่จะใช้ ‘รถยนต์ไฟฟ้า?’ หลากหลายมาตรการภาครัฐ ปักหมุดศูนย์กลางการผลิตในอาเซียน สู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้เกิดการผลิตการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดยคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ บอร์ด EV กระทรวงพลังงาน ได้กำหนดนโยบาย 30@30 คือการตั้งเป้าการผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ. 2030 หรือ พ.ศ. 2573 เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society)
และปักหมุด เป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก หรือศูนย์กลางของภูมิภาค (EV Hub)
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ ในด้านสิทธิประโยชน์และภาษีของรถ EV เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย เดินหน้าเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าสู่กลุ่มประเทศอาเซียน
ส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน
โดยความคืบหน้าการส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน ที่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ถึงปัจจุบัน (17 สิงหาคม 2565) มีโครงการที่ได้รับส่งเสริมในกิจการดังกล่าวแล้ว รวม 26 โครงการ จาก 17 บริษัท ได้แก่
- โครงการผลิต Hybrid Electric Vehicle (HEV) จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ GWM, Honda, Mazda, MG, Mitsubishi, Nissan, Toyota
- โครงการผลิต Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) จำนวน 8 โครงการ ได้แก่ BMW, BYD, GWM, Mercedes Benz, Mazda, MG, Mitsubishi, Toyota
- โครงการผลิต Battery Electric Vehicle (BEV) จำนวน 15 โครงการ ได้แก่ BYD, FOMM, GWM, Honda, Horizon, Mazda, Mercedes Benz, MG, Mine Mobility (2 โครงการ), Mitsubishi, Nissan Skywell, Takano, Toyota
- โครงการผลิตรถบัสไฟฟ้า (E-bus) จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ Absolute Assembly และสกุลฎ์ซี (เนื่องจากบางโครงการได้รับการส่งเสริมในกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 1 ประเภทในโครงการเดียวกัน ทำให้จำนวนโครงการเมื่อแยกตามรายประเภทรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว จะสูงกว่าจำนวนโครงการรวม)
มาตรการเหล่านี้ จะทำให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต่ำลง ซึ่งจะทำให้ประขาชนเข้าถึง และจัต้องรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น
มาตรการด้านภาษี และส่งเสริมให้ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ในช่วงต้นปี 2565 รัฐบาลยังคลอดมาตรการด้านภาษี รวมไปถึงการอุดหนุนเงินเพื่อให้ค่ายรถยนต์ นำไปเป็นส่วนลดให้ประชาชนผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ดังนี้
- ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8 % เป็น 2 % และรถกระบะ เป็น 0 %
- ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศ และนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40 % สำหรับรถยนต์ ถึงปี 2566
- .ยกเว้นอากรขาเข้าส่วนประกอบรถยนต์ไฟฟ้า จำนวน 9 รายการ เพื่อนำมาผลิตหรือประกอบรถในประเทศ
- เงินอุดหนุนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถกระบะไฟฟ้า คันละ 70,000-150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 18,000 บาทต่อคัน
โดยปัจจุบันมีค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมมาตรการอุดหนุนเงิน เพื่อใช้เป็นส่วนลดให้ประชาชนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ประกอบด้วย บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด (MG), บริษัท เกรท วอลล์มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (GWM), บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด(TOYOTA), บริษัท กรีน ฟิวเตอร์ จำกัด, บริษัท ไมน์ โมบิลิตี คอร์ปอเรชั่น จำกัด
และอีก 3 บริษัทเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ได้แก่ บริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด (Deco Green) บริษัทเอช เซม มอเตอร์ จำกัด และบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด
สร้างระบบนิเวศให้เอื้อต่อการใช้ในชีวิตประจำวัน
จากการส่งเสริมภาคเอกชนในการ สร้าง ‘ระบบนิเวศ’ รวมไปถึงส่งเสริมให้ประชาขนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งในรูปการอุดหนุนเงิน และการลดภาษีประจำปี ส่งผลให้ยอดการจะทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก
โดยข้อมูลจาก กองแผนงาน กรมการขนส่งทางบก ระบุว่า จำนวนรถจดทะเบียนใหม่ จำแนกตามชนิดเชื้อเพลิง (รายเดือน) ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคม ปี 2565 จากทั้งหมด 2,550,953 คัน มีรถจดทะเบียนใหม่ที่ใช้ไฟฟ้าแบบ 100 % หรือ BEV ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 มีทั้งหมด 15,423 คัน
มาตรการส่งเสริมของภาครัฐที่ถูกผลักดันออกมาหลากหลายมาตรการ แม้จะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้ประชาชนตัดสินใจทดลองซื้อรถไฟฟ้ามาใช้ แต่ก็ตามมาด้วยปัญหา รายละเอียดปลีกย่อย เช่น ปัญหาประกันภัยรถยนต์ ที่เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงราว 30-40%
เนื่องจากเมื่อเกิดอุบัตเหตุรถเสียหาย โดยเฉพาะแบตเตอรี่ จะมีการเปลี่ยนยกชุด ทำให้บริษัทประกันภัยเรียกเก็บเบี้ยประกันในอัตราสูง เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาดังกล่าว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งแก้ปัญหานี้อยู่
แม้จะดูเป็นปัญหาเล็กๆ แต่หากไม่เร่งแก้ไข รวมไปถึงสร้างระบบนิเวศให้เอื้อต่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน เช่น สถานีชาร์จ ที่ยังไม่ครอบคลุม ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของรัฐบาล ที่ได้ตั้งเป้าให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท รวมกว่า 1.05 ล้านคันภายในปี 2568 ก็เป็นได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เมอร์เซเดส-เบนซ์ ร่วมด้วย โครงการสนับสนุน ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ลดภาษีนำเข้า ของรัฐบาล
- พระราชกฤษฎีกา ลดภาษีประจำปี ‘sถยนต์ไฟฟ้า’ 80% เป็นเวลา 1 ปี มีผลแล้ว
- จ่อใช้ ‘มาตรการด้านภาษี’ หนุน ‘แบตเตอรี่sถยนต์ไฟฟ้า’ หวังกดราคาให้ถูกลง ดึงคนใช้รถอีวีเพิ่ม