โควิดวันนี้ 22 มี.ค. นับถึงเวลา 10.30 น. ทั่วโลกมี ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 123,859,209 คน รักษาตัวหายแล้ว 99,784,365 คน และมียอดสะสมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,727,680 ราย
ขณะนี้ สหรัฐ มียอด ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (30,521,765) รองลงมาคือ บราซิล (11,998,233) ตามด้วย อินเดีย (11,645,719) รัสเซีย (4,456,869), สหราชอาณาจักร (4,296,583), ฝรั่งเศส (4,282,603), อิตาลี (3,376,376) สเปน (3,212,332) และตุรกี (3,013,122)
ประเทศที่มีจำนวน ผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 ล้านราย ได้แก่ เยอรมนี โคลอมเบีย อาร์เจนตินา เม็กซิโก และโปแลนด์
ส่วนประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่า 1 ล้านราย ได้แก่ อิหร่าน ยูเครน แอฟริกาใต้ สาธารณรัฐเช็ก เปรู อินโดนีเซีย และเนเธอร์แลนด์
นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (555,314) ตามมาด้วยบราซิล (294,115), เม็กซิโก (197,827), อินเดีย (160,003) และสหราชอาณาจักร (126,155)
รัฐบาลญี่ปุ่นยกเลิกการประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียว และ 3 จังหวัดโดยรอบเมื่อวานนี้ (21 มี.ค.) ซึ่งเป็นพื้นที่สุดท้ายในญี่ปุ่น ที่อยู่ภายใต้มาตรการฉุกเฉินเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจยกเลิกการประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียว เมืองคานากาวะ เมืองชิบะ และเมืองไซตามะ หลังจากคณะผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อและด้านอื่นๆ มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกการประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ดังกล่าว
รัฐบาลญี่ปุ่นได้แจ้งต่อคณะผู้เชี่ยวชาญว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดิมที่พบในญี่ปุ่นก่อนจะนำไปสู่การประกาศภาวะฉุกเฉินในครั้งแรกนั้น มีจำนวนลดลงแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญที่มีผลต่อการพิจารณายกเลิกมาตรการดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ กรุงโตเกียว เมืองคานากาวะ เมืองชิบะ และเมืองไซตามะ อยู่ภายใต้การประกาศภาวะฉุกเฉิน นับตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมปีนี้ โดยภายใต้มาตรการดังกล่าว ร้านอาหาร และผับบาร์ จะต้องปิดให้บริการภายในเวลา 20.00 น. ประชาชนต้องหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็นในเวลากลางคืน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ขอความร่วมมือจากบริษัทให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน และจำกัดผู้เข้าร่วมงานอีเวนท์ขนาดใหญ่ไม่เกิน 5,000 คน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีเป้าหมายที่จะหลีกเลี่ยงการประกาศภาวะฉุกเฉินในวันข้างหน้า ด้วยการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชน ปรับปรุงระบบการแพทย์ให้มีความแข็งแกร่ง และเพิ่มการตรวจหาเชื้อไวรัสกลายพันธุ์
ทางด้านนายโนริฮิสะ ทามุระ รัฐมนตรีสาธารณสุขของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะใช้มาตรการให้ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคนต้องตรวจเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ จากปัจจุบันที่กำหนดเป็นรายประเทศ
ภายใต้มาตรการปัจจุบัน ผู้ที่เดินทางมาจาก 24 ประเทศที่พบว่ามีการกลายพันธุ์ของไวรัส จะต้องตรวจหาเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เพิ่มเติมหลังจากเข้าญี่ปุ่นมาแล้ว 3 วัน นอกจากนี้ ทางการยังเฝ้าติดตามว่าทุกคนปฏิบัติตามมาตรการกักตัว 14 วันอย่างเคร่งครัดหรือไม่
นายทามุระยังเปิดเผยด้วยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาที่จะใช้บริการบริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชนเพื่อติดตามผู้ที่กักตัวเองในบ้านหรือที่พักอาศัยของตนเอง เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาปฏิบัติตามกฎระเบียบ
ทางด้าน กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีจำนวน 4,396 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,460,184 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ส่วนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 103 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 39,550 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน
ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ เปิดเผยถึงตัวเลข โควิดวันนี้ 22 มี.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 7,757 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ที่ 663,794 ราย มากสุดเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย โดยมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 39 ราย มาอยู่ที่ 12,968 ราย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จับตา ‘บราซิล’ หวั่นแหล่งเพาะเชื้อ ‘โควิดกลายพันธุ์’ กระจายแล้วกว่า 25 ประเทศ
- ‘หมอธีระ’ เปิด 3 เชื้อไฟช่วงสงกรานต์ เสี่ยงทำโควิดระบาดรุนแรง!!
- จีนไฟเขียวใช้งานฉุกเฉิน ‘วัคซีนโควิด-19’ ตัวที่ 4 ผลิตจาก ‘รังไข่หนูแฮมสเตอร์’
