Finance

เช็คด่วน! OR เปิดประชาชนทั่วไปจองซื้อหุ้น ผ่านแบงก์’กสิกร-กรุงไทย-กรุงเทพ’

บริษัทปตท. น้ำมันและการค้าปลีกจำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดขายหุ้น IPO เป็นครั้งแรกให้เวลาจองซื้อนานสุดเป็นประวัติการณ์หวังกระจายหุ้นให้คนไทยได้มากที่สุด

โออาร์ เปิดจองวันที่ 24 มกราคม 2564 – เวลา 12:00 น. (เที่ยง) ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ ที่ช่วงราคาเสนอขาย 16.00 – 18.00 บาทต่อหุ้น

สำหรับผู้จองซื้อรายย่อย ประชาชนทั่วไปสามารถจองซื้อได้ที่ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย และกรุงไทย ที่สำนักงานใหญ่และทุกสาขาทั่วประเทศและผ่านช่องทางออนไลน์ ในวันที่ 24 มกราคม 2564 – เวลา 12:00 น. (เที่ยง) ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 โดยจัดสรรแบบวิธี Small Lot First เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับการกระจายหุ้นอย่างทั่วถึง ขั้นต่ำสามารถซื้อได้ 300 หุ้น โดยสามารถจองซื้อได้มากกว่านี้ได้

การจัดสรรหุ้นโออาร์
จัดสรรแบบวิธี Small Lot First เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับการกระจายหุ้นอย่างทั่วถึง ขั้นต่ำสามารถซื้อได้ 300 หุ้น

สำหรับผู้ถือหุ้น ปตท. เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น สามารถจองซื้อได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 25-28 มกราคม 2564 โดยคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “OR” ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 นี้

โออาร์ ประกาศแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 2,610,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 22.5 ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายได้แล้วของบริษัทฯ ภายหลังที่มีการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ (ในกรณีที่มีการเสนอขายหุ้นทั้งจำนวน โดยไม่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)

โดยแบ่งเป็น (ก) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 300,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเฉพาะกลุ่มซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ ปตท. ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นของ ปตท. (“ผู้ถือหุ้นของ ปตท. เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น”)

ทั้งนี้ ณ วันปิดการเสนอขายหุ้นทั้งหมดจำนวน 2,610,000,000 หุ้น หากมีผู้จองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมากกว่าหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายดังกล่าว บริษัทฯ อาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินให้แก่ผู้ลงทุนจำนวนไม่เกิน 390,000,000 หุ้น อีกทั้ง การจัดสรรหุ้นของ OR ในส่วนของผู้ลงทุนรายย่อยในครั้งนี้จะไม่มีการจัดสรรหุ้นผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

จิราพร ขาวสวัสดิ์
จิราพร ขาวสวัสดิ์

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์ กล่าวว่าเราเชื่อมั่นว่าช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะเวลาอันเหมาะสมที่ โออาร์ พร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตครั้งใหม่ ด้วยการเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

จากจุดแข็ง รากฐานทางธุรกิจและกลยุทธ์การเติบโตอันแข็งแกร่งของ โออาร์ เพื่อก้าวสู่ความเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลกอย่างแท้จริง กับแนวคิดธุรกิจ “Retailing Beyond Fuel” วันนี้ เราพร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มาร่วมเป็นเจ้าของและต่อยอดสู่การเติบโตที่ไกลกว่าเดิม”

โออาร์ ดำเนินธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) อย่างผสมผสานกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบด้วยการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ ธุรกิจร้านกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่น ๆ ร้านสะดวกซื้อ และการบริหารจัดการพื้นที่เช่า

มีแบรนด์ซึ่งเป็นที่นิยมและได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง เช่น “PTT Station” แบรนด์สถานีบริการน้ำมัน ที่มีสาขา 1,968 แห่งในประเทศไทย และ 329 แห่งในต่างประเทศ “Café Amazon” แบรนด์ร้านกาแฟชั้นนำของประเทศไทยที่มีจำนวน 3,168 ร้านในประเทศไทย และ 272 ร้านในต่างประเทศ

มีศูนย์บริการยานยนต์ “FIT Auto” จำนวน 56 แห่งในประเทศไทย และ 4 แห่งในต่างประเทศ ร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ “7-Eleven” ในสถานีบริการ และแบรนด์ “Jiffy” จำนวนรวมกัน 1,960 ร้านในประเทศไทย และ 86 ร้านในต่างประเทศ เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)

ด้วยจุดแข็งและปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โออาร์ ในฐานะบริษัท Flagship ของ กลุ่ม ปตท. ด้านการดำเนินธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีก มีสถานีบริการน้ำมัน “PTT Station” ซึ่งเป็นที่ยอมรับในด้านความน่าเชื่อถือ คุณภาพ และความสะดวกครบครันในที่เดียว ความเป็นผู้นำในการจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 38.9 (เมื่อพิจารณาจากปริมาณการขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการในปี 2562 โดย Wood Mackenzie)

การมีเครือข่ายระบบจัดเก็บและการกระจายผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย การเดินหน้าพัฒนาธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) ซึ่งส่งเสริมธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี และความมีศักยภาพในการเติบโตสูงทั้งในและต่างประเทศ มีรากฐานทางธุรกิจที่มั่นคงในประเทศกัมพูชา ฟิลิปปินส์ และ สปป.ลาว อีกทั้งยังมีความสามารถในการขยายธุรกิจสู่ประเทศอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีคณะผู้บริหารที่มากประสบการณ์ และให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

นางสาวราชสุดา รังสิยากูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์องค์กร นวัตกรรมและความยั่งยืน โออาร์ กล่าวว่า “เราขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่น่าเชื่อถือ พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงใจผู้บริโภค ควบคู่กับการสร้างคุณค่าและการมีส่วนร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม”

ทั้งนี้ โออาร์ ได้วาง 6 กลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจ ประกอบด้วย

  • รักษาความเป็นผู้นำทั้งตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ในประเทศไทย
  • มุ่งส่งเสริมการเติบโตของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) สร้างฐานรายได้และเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร
  • ต่อยอดความสำเร็จ ความชำนาญ เพื่อการขยายตัวสู่ระดับภูมิภาค และระดับโลก
  • เสริมสร้างศักยภาพ ขยายโอกาสการเติบโตด้วยเทคโนโลยี และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Big Data Analytics)
  • ลงทุนครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี และ
  • มุ่งสร้างคุณค่าและการมีส่วนร่วมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ทั้งประเทศชาติ สังคมชุมชน ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และพนักงานอย่างสมดุล

ปัจจุบัน OR มีปั๊มน้ำมันรวม 1,968 แห่ง โดยมีแผนจะขยายเพิ่มอีกปีละ 100 สาขา และกำหนดเป้าหมายให้มีปั๊มทั้งสิ้น 2,500 แห่งในปี 2568 โดยจะเน้นให้ดีลเลอร์เป็นเจ้าของ 80% และเป็นของ OR เองอีก 20%

ส่วนร้าน Café Amazon มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มกว่า 2,100 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 3,168 สาขา เพื่อเสริมธุรกิจน้ำมันของ OR โดยจะเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ 60% ที่เหลือจะเป็นสาขานอกปั๊มของ OR นอกจากนี้มีแผนจะสร้างโรงงานเบเกอรี่ โรงงานผงผสมเครื่องดื่มและศูนย์กระจายสินค้าอัตโนมัติ เพื่อเสริมฐานรายได้ให้OR แบบครบวงจรมากขึ้น

ส่วนทิศทางของการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของรัฐบาลนั้น OR ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยปัจจุบัน OR ได้ตั้งสถานีชาร์จรถ EV ในปั๊มแล้ว 25 แห่ง พร้อมพัฒนาระบบการใช้แอพพลิเคชั่น รองรับข้อมูลการชาร์จไฟฟ้าและเก็บข้อมูลความพึงพอใจของลูกค้าเพื่อพัฒนาปั๊มชาร์จต่อไปในอนาคต

นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน โออาร์ กล่าวว่าวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้  เพื่อนำไปใช้ในการขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน การขยายธุรกิจสำหรับตลาดพาณิชย์ การลงทุนในคลังเก็บผลิตภัณฑ์และศูนย์กระจายสินค้า การขยายเครือข่ายร้านค้าปลีก การลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

แผนลงทุนโออาร์

โออาร์ มีแผนลงทุน 5 ปี ระหว่างปี 2564-2568 วงเงินรวม 74,600 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องและเปิดโอกาสดำเนินธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนสำหรับธุรกิจน้ำมัน 34.6% ค้าปลีก 28.6% ธุรกิจในต่างประเทศ 21.8% และธุรกิจอื่นๆ อีก15%

สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือน ของปี 2563 OR มีรายได้จากการขายและให้บริการ 319,308 ล้านบาท โดยมี EBITDA 12,523 ล้านบาท มาจากธุรกิจน้ำมัน 68.7% , ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ 25.1% ,ธุรกิจในต่างประเทศ 5.8% และธุรกิจอื่นๆ 0.4% ทำให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,869 ล้านบาท

ผลดำเนินงานโออาร์

โดยมี บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 30.0 ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทฯ กำหนดไว้ในแต่ละปี

อ่านข่าวเพิ่มเติม:

Avatar photo