World News

ติดโควิด-19 พุ่ง! อิตาลีตัดสินใจสั่ง ‘เคอร์ฟิว’ ทั่วประเทศนาน 1 เดือน

“อิตาลี” ประกาศ “เคอร์ฟิว” ทั่วประเทศนาน 1 เดือน หลังยอดติด โควิด-19 พุ่งกระฉูด 2.8 หมื่นรายในวันเดียว ส่งผลปิดพิพิธภัณฑ์-โรงหนัง มัธยมเรียนออนไลน์ ด้านขนส่งสาธารณะขึ้นได้แค่ 50%

จูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรี อิตาลี ลงนามกฤษฎีกาบังคับใช้มาตรการ เคอร์ฟิว ทั่วประเทศระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 05.00 น. เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

โควิด-19 อิตาลี เคอร์ฟิว

กระทรวงสาธารณสุขของอิตาลี ระบุว่า กฤษฎีกาฉบับนี้ถูกลงนามเมื่อราวเที่ยงคืนของวันอังคาร (3 พ.ย. 63) และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (5 พ.ย. 63) จนถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2563 มีขึ้นหลังจากจำนวนผู้ป่วยโรค โควิด-19 เพิ่มขึ้น 28,244 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิต 353 ราย ในวันที่ 3 พฤศจิกายน

จำนวนผู้ป่วยโรค โควิด-19 ที่อยู่ระหว่างรักษาตัวของอิตาลีรวมอยู่ที่ 418,142 ราย เมื่อนับถึงวันอังคาร โดยมีผู้ป่วยอยู่ระหว่างกักกันตัวที่บ้าน 394,803 ราย และผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 21,114 ราย ซึ่งอยู่ในแผนกผู้ป่วยหนัก 2,225 ราย

กฤษฎีกาฉบับใหม่แบ่งอิตาลีออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ ความเสี่ยงกลาง และความเสี่ยงสูง โดยมีการบังคับใช้กฎระเบียบที่แตกต่างกันตามระดับความรุนแรงของการแพร่ระบาด ซึ่งรัฐบาลอิตาลียังไม่ได้ประกาศการจัดกลุ่มให้กับทั้ง 20 แคว้นของประเทศ

นอกจากนี้ยังกำหนดให้โรงเรียนมัธยมทั่วประเทศเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนเป็นทางออนไลน์ ขณะโรงเรียนอนุบาลและประถมยังคงเปิดการเรียนการสอนตามปกติ ส่วนมหาวิทยาลัยอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะกำหนดให้นักศึกษาเรียนทางออนไลน์เท่าไร เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดในสถานศึกษา

ด้านห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศปิดให้บริการในช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุด ขณะบาร์และร้านอาหารเปิดให้บริการได้ในระหว่างเวลา 05.00 น. และ 18.00 น. ส่วนระบบขนส่งสาธารณะให้บริการได้แค่ 50% จากปกติ

ส่วนพิพิธภัณฑ์ ห้องแสดงผลงานศิลปะ โรงละคร สถานที่จัดคอนเสิร์ต โรงภาพยนตร์ และสถานที่เล่นการพนัน จะต้องปิดให้บริการ รวมถึงการรวมกลุ่มในที่สาธารณะ การเฉลิมฉลอง งานแสดงสินค้า เทศกาล และกิจกรรมอื่นๆ ไม่ว่าจะจัดกลางแจ้งหรือในร่ม ถูกสั่งห้ามด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันทั่วโลกต่างพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 โดยหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงอิตาลี ฝรั่งเศส จีน รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐ กำลังแข่งกับเวลาเพื่อพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

เว็บไซต์องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าเมื่อนับถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 มีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ถูกพัฒนาอยู่ 202 ตัวทั่วโลก โดยมีวัคซีน 47 ตัว อยู่ในขั้นตอนการทดลองทางคลินิคแล้ว

โควิด-19

“ฝรั่งเศส-อิตาลี” เพิ่งประกาศล็อกดาวน์

สถานการณ์ไวรัส โควิด-19 ในยุโรปกลับมาน่าเป็นห่วงอีกครั้ง เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว โดยก่อนหน้านี้ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ อย่างเยอรมันและฝรั่งเศสประกาศล็อกดาวน์ 4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดลุลามจนไม่สามารถรับมือได้

เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดี ฝรั่งเศสประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ ประเทศเป็นครั้งที่ 2 โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2563 ถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นอย่างน้อย เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ระลอก 2

ประชาชนฝรั่งเศสจะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านเพื่อไปทำงานที่มีความจำเป็นและเหตุผลทางการแพทย์เท่านั้น สำหรับธุรกิจที่ไม่มีความจำเป็น เช่น ร้านอาหารและบาร์ จะถูกปิด แต่โรงเรียนและโรงงานต่างๆ ยังเปิดได้

ด้านเยอรมนีจะใช้มาตรการล็อกดาวน์บางส่วนตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 เป็นเวลา 4 สัปดาห์ หลังจากพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่กำหนดให้ธุรกิจสถานบันเทิงและการผ่อนคลายส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงบาร์ ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ โรงละคร และสถานที่จัดคอนเสิร์ต ปิดทำการจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2563

รัสเซียป่วย “โควิด-19″ ทุบสถิติสูงสุดอีกครั้ง

ล่าสุดวานนี้ (4 พ.ย. 63) ศูนย์รับมือโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ของรัสเซีย รายงานการตรวจพบผู้ป่วยเพิ่ม 19,768 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสถิติผู้ป่วยใหม่รายวันสูงสุดตลอดกาล ขณะโรคร้ายนี้กลับมาระบาดอีกครั้งในรัสเซีย

แถลงการณ์ของศูนย์ฯ ระบุว่าจำนวนผู้ป่วยสะสมของรัสเซียอยู่ที่ 1,693,454 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยเสียชีวิต 29,217 ราย และผู้ป่วยหายดี 1,266,931 ราย

สำหรับกรุงมอสโก เมืองหลวงของประเทศ ตรวจพบผู้ป่วยเพิ่ม 5,826 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมแตะ 445,181 ราย ปัจจุบันรัสเซียได้ดำเนินการตรวจโรคโควิด-19 แล้วมากกว่า 62.4 ล้านครั้ง

ที่มาสำนักข่าวซินหัว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo