World News

‘เศรษฐกิจ-โควิด-เชื้อชาติ’ ปัจจัยชี้ขาด คนอเมริกันเลือกประธานาธิบดี

เศรษฐกิจ การระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ กลายเป็นประเด็นที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐฯ ให้ความสำคัญสูงสุด ท่ามกลางการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2020

เอพี โวตแคสต์ (AP VoteCast) การสำรวจความคิดเห็นของผู้มีสิทธิเลือกตั้งระดับชาติ เปิดเผว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งยกให้การระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 และเศรษฐกิจ เป็นประเด็นพิจารณาอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจเลือกผู้นำประเทศคนใหม่ระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต

โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งราว 4 ใน 10 กล่าวว่าการระบาดใหญ่เป็นปัญหาสำคัญสูงสุดที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญอยู่ ส่วน 3 ใน 10 ยกให้เศรษฐกิจเป็นปัญหาสำคัญรองลงมา ขณะผู้มีสิทธิเลือกตั้งราว 1 ใน 10 มองว่าการเหยียดเชื้อชาติเป็นประเด็นสำคัญที่สุด สอดรับกับเหตุการณ์ประท้วงเรียกร้องความอยุติธรรมทางเชื้อชาติและการถกเถียงเรื่องการเหยียดเชื้อชาติเชิงโครงสร้างในปี 2020

ผลสำรวจจากสำนักข่าวเอ็นบีซีนิวส์ (NBC News) ของผู้ลงคะแนนเสียงล่วงหน้าและในวันเลือกตั้ง พบผู้ตอบแบบสอบถามราว 1 ใน 3 มองว่าเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญสูงสุดในการเลือกประธานาธิบดี ขณะผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มสำรวจร้อยละ 21 จัดให้ความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติเป็นปัญหาสำคัญสูงสุด และร้อยละ 18 ชี้ว่าวิกฤตโรคโควิด-19 มีส่วนสำคัญที่สุดต่อการตัดสินใจของพวกเขา โดยหากต้องแลกเปลี่ยนระหว่างการควบคุมโรคโควิด-19 กับการรื้อสร้างเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งร้อยละ 52 มองว่าการควบคุมโรคระบาดใหญ่เป็นสิ่งสำคัญกว่า ถึงแม้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็ตาม

นอกจากนั้นผลสำรวจระดับชาติเบื้องต้นของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) ที่เผยแพร่ช่วงบ่ายวันอังคาร (3 พ.ย.) รายงานว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งราว 1 ใน 3 จัดให้เศรษฐกิจเป็นประเด็นสำคัญยิ่งยวดที่สุด โดยผู้มีสิทธิราว 1 ใน 5 มองว่าปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในการเลือกผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ขณะผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 1 ใน 6 เห็นว่าการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 มีความสำคัญต่อการตัดสินใจของพวกเขามากที่สุด

ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่าสหรัฐฯ ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 แล้วมากกว่า 9.37 ล้านราย และผู้ป่วยเสียชีวิตกว่า 232,000 ราย เมื่อนับถึงช่วงบ่ายวันอังคาร (3 พ.ย.)

ที่มา : สำนักข่าวซินหัว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo