Business

โลกเปลี่ยน! LINE จับ 3 เทรนด์ใหม่หลังโควิด ธุรกิจต้อง ‘Decentralization’

LINE จับ 3 เทรนด์ใหม่หลังโควิด ดันธุรกิจไทย ผลัดเปลี่ยนจาก Globalization สู่ Decentralization ประกาศเดินหน้าสู่ แพลตฟอร์มแห่งอนาคตสำหรับทุกธุรกิจ

นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่โลกธุรกิจไม่เหมือนเดิม จากวิกฤติ โควิด-19 LINE จับ 3 เทรนด์ใหม่หลังโควิด ได้แก่ New Human ผู้บริโภคกับพฤติกรรมใหม่, New Rule บรรทัดฐานใหม่ในการเก็บข้อมูล และ New Power อิทธิพลและพลังของเอเชียเหนือทั่วโลก

LINE จับ 3 เทรนด์ใหม่หลังโควิด

ทั้งนี้ ในงาน LINE THAILAND BUSINESS 2020 ฟอรัมธุรกิจแห่งปีจาก LINE ประเทศไทย เผยให้เห็นถึงสถานการณ์ประเทศไทย ถึงคราวผลัดเปลี่ยนจาก Globalization สู่ Decentralization พร้อมนำเสนอโซลูชันใหม่สอดรับ 3 เทรนด์สู่การเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มแห่งอนาคตสำหรับธุรกิจทุกประเภท

นายนรสิทธิ์ กล่าวว่า ในอดีต เราเห็นตัวอย่างของเทรนด์ใหญ่ระดับโลก (Megatrends) มากมายที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น การเชื่อมต่อความเร็วสูง 5G การใช้จ่ายเงินดิจิทัล สงครามทางการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลให้ทุกธุรกิจคอยเรียนรู้และเร่งปรับตัว ดำเนินรอยตามโลก (Global) อยู่เสมอ

แต่จากวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา ได้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง ที่พลิกโฉมธุรกิจทั่วโลกครั้งใหญ่ ไปโดยสิ้นเชิง โดยทุกภาคส่วน ต่างเร่งรับมือกับโจทย์ใหญ่ คือ การก้าวขึ้นสู่โลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้มีสูตรสำเร็จ ในการใช้ดิจิทัล รับมือวิกฤติครั้งนี้มาก่อน

ดังนั้น การทำธุรกิจ จึงต้องเปลี่ยนเป็นแบบ Decentralization ที่ให้ความสำคัญกับภาคส่วนย่อยมากขึ้น สามารถสอดรับการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันนี้ได้เป็นอย่างดี ควบคู่กับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน ทำให้แต่ละภาคธุรกิจต้องนิยามการเติบโตในธุรกิจใหม่เพื่อความอยู่รอดและก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอีกครั้งหลังวิกฤติครั้งใหญ่นี้

03 1
นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร

สำหรับแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค ที่เปลี่ยนไประหว่างช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา พบ 4 ประเด็นสำคัญได้แก่

  • Basket – ผู้บริโภคมีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้า ในปริมาณน้อยลง
  • Homebody – ผู้บริโภคนิยมหันมาดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่บ้าน
  • Rational – ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า โดยคำนึงถึงเหตุผลมากขึ้น
  • Affordability – ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าโดยคำนึงปัจจัยด้านราคามากขึ้น

New Human ผู้บริโภคกับพฤติกรรมใหม่

จากข้อมูลเชิงสถิติบนแพลตฟอร์ม LINE ในปัจจุบัน ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมใหม่ ๆ ของผู้บริโภคมากมายหลายด้าน และมีจำนวนผู้บริโภคที่นิยมชื่นชอบพฤติกรรมเหล่านี้ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ ๆ ในสังคมไทย

ตัวอย่างเทรนด์นี้ที่เห็นได้ชัดคือ กระแสซีรีส์วาย ที่พลิกจากความชอบเฉพาะกลุ่ม สู่พฤติกรรมกระแสหลัก ของผู้ชมชาวไท ยก่อนจุดติดเป็น “กระแสซีรีส์วายฟีเวอร์” ทั่วเอเชีย สร้างกลุ่มแฟนตัวจริง ที่พร้อมสนับสนุนนักแสดงซีรีส์วายในดวงใจ

LINE จับ 3 เทรนด์ใหม่หลังโควิด

นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ Y-Economy ด้วยการใช้ศิลปิน นักแสดงเป็นกลไก นำไปสู่ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ และการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากข้อมูลผลสำรวจโดย LINE ประเทศไทยยังพบว่าร้อยละ 80 ของผู้ชมซีรีส์วายชาวไทยคือเกือบ 20 ล้านคนนิยมดูซีรีส์วายผ่านช่องทาง LINE TV เป็นหลัก

การเก็บข้อมูลไม่พึ่งพาคนกลาง

การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นประเด็นที่ทั่วโลก กำลังให้ความสำคัญอย่างมาก ในช่วงปีที่ผ่านมา จนเกิดเป็นบรรทัดฐานใหม่ ของการเก็บข้อมูลหรือ “New Rule” ที่อาจส่งผลต่อทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งในฝั่งแพลตฟอร์ม และฝั่งแบรนด์

การเก็บข้อมูลโดยตรงจากลูกค้า (First-party data) จึงเป็นทางออกที่ทุกกลุ่มธุรกิจ ควรให้ความสำคัญ และควรเริ่มเตรียมตัว ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ วิธีดำเนินธุรกิจให้สอดคล้อง รองรับมาตรการเหล่านี้ให้ทันท่วงที

“LINE เล็งเห็นความสำคัญของ First-party data และเปิดให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลโดยตรงจากลูกค้า ผู้ใช้งานด้วยโซลูชันและเครื่องมือบนแพลตฟอร์ม LINE มานานเกือบ 3 ปีผ่าน LINE Business Connect for CRM (BCRM) ที่ช่วยบริการจัดการฐานข้อมูลลูกค้าบน LINE Official Account

ขณะเดียวกัน ยังได้พัฒนา Mission Stickers สติกเกอร์ที่ผู้ใช้งานจะได้รับ เมื่อทำภารกิจตามที่แบรนด์กำหนด เช่น การเพิ่มเพื่อนบน LINE การตอบแบบสอบถาม เป็นต้น

18 1

ทั้งสองเครื่องมือนี้ สามารถช่วยให้แบรนด์ได้รับข้อมูลโดยตรงจากลูกค้าได้อย่างถูกต้อง โปร่งใส ในจำนวนมหาศาลภายในเวลาอันรวดเร็วถึงนับล้านโปรไฟล์ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ โดยในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา LINE มีฐานข้อมูลสะสมที่ได้รับโดยตรงจากผู้ใช้งานมากกว่า 300 ล้านโปรไฟล์รวมจากทุกแบรนด์ที่ใช้บริการ

ล่าสุด LINE ได้เปิดตัวโซลูชันใหม่ล่าสุด MyCustomer ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ ผ่าน LINE OA ให้กับแบรนด์ได้ดีและลึกยิ่งขึ้น ยกระดับระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าแบบครบวงจรหรือ CRM บน LINE ในแบบเดิม ๆ สู่การเป็น CDP – Customer Data Platform หรือแพลตฟอร์มสำหรับจัดการข้อมูลลูกค้าแบบใหม่ ซึ่งมีแผนจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการปีหน้า

อิทธิพลและพลังของเอเชียเหนือทั่วโลก

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เอเชียได้ก้าวเข้ามาเป็นขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่ของโลก เฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มูลค่าการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ใน 3 ไตรมาสแรก มีมูลค่ารวมกว่า 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ1 มากกว่าทวีปอเมริกาเหนือกว่า3 เท่า ส่งให้เอเชียกลายเป็น “New Power” ที่อิทธิพลและพลังเหนือภูมิภาคอื่นทั่วโลก

หากวัดเฉพาะผู้บริโภคของไทย ประเทศไทยขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกในด้านการช้อปปิ้งผ่านโซเชียลมีเดียมาตั้งแต่ปี 2552 โดยเฉพาะ Chat Commerce ซึ่งมีผลสำรวจเผยว่า เป็นช่องทางการซื้อขายรูปแบบ E-Commerce ที่ดีที่สุดสำหรับเอสเอ็มอีไทย

หากวัดจากผลตอบแทนจากการลงทุนหรือ ROI – Return on Investment3 จึงอาจกล่าวได้ว่า Chat Commerce คือช่องทางที่ดีที่สุดสำหรับการขายสินค้าแบบ E-Commerce ที่เหมาะและตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยได้อย่างลงตัว

LINE จึงได้เปิดให้บริการ MyShop เครื่องมือที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพ LINE OA ด้านการขายของ ด้วยระบบหน้าร้านออนไลน์ ระบบจัดการสต๊อกสินค้า เป็นต้น ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยพบว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (Gross Merchandise Value) ของ MyShop มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 17 เท่านับตั้งแต่เปิดให้บริการมา

ขณะที่ ธุรกิจไทยยังมีความท้าทายข้างหน้ารออยู่ในโลกหลังโควิด-19 โดย LINE พร้อมที่จะนำเสนอโซลูชันใหม่ ๆ เพื่อพลิกนิยามของการเติบโต ทั้งในโลกออนไลน์ และออฟไลน์ ให้แก่ทั้งแบรนด์ นักการตลาด และเอสเอ็มอี ตลอดจนยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ให้สะดวกสบายขึ้นไปอีกขั้น

จากแนวโน้มที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกระแสตอบกลับ ต่อเหตุการณ์ครั้งใหญ่ของโลก แบบเฉพาะตัว ที่แตกต่างไปตามแต่ละท้องที่หรือ Decentralization จึงสร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจไทย โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ตามอีกต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo