Business

เปิดกลยุทธ์ ‘4 หุ้นไทย’ ปรับแผนแก้วิกฤติอย่างไร?

เปิดกลยุทธ์ 4 หุ้นไทย ปรับแผนแก้วิกฤติอย่างไร?ท่ามกลางโควิด-19 จนได้รับผลกระทบจากวิกฤติครั้งนี้น้อยมาก มีการลดค่าใช้จ่ายลงจริงหรือไม่ 

ตลาดหุ้นไทยในปีนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก มีบริษัทจดทะเบียนจำนวนไม่น้อยที่ทนกับภาวะวิกฤติไม่ได้ แต่ก็มีอีกหลายแห่งเช่นกันที่ปรับกลยุทธ์จนสามารถแก้วิกฤติ พิชิตโอกาสได้ 

โดยวันนี้อยากมาไปดูมุมมอง และวิสัยทัศน์ของ 4 สุดยอดผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนไทย ได้แก่ AMATA, EA, JMT และ MEGA ซึ่งนับว่าเป็น 4 บริษัทที่แผนธุรกิจแข็งแกร่ง และได้รับผลกระทบน้อยจากวิกฤติในครั้งนี้ 

1. หุ้น AMATA

เปิดกลยุทธ์ 4หุ้น 01

โดยคุณวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน คุณวิบูลย์ เล่าว่าช่วงแรกที่เกิดโควิด-19 AMATA ได้รับผลกระทบหนักหนาเช่นกัน แต่นั้นกลับกลายเป็นโอกาสให้บริษัทได้ทำในสิ่งที่คิดมานาน นั่นก็คือ การกลับข้างสัดส่วนรายได้ โดยหันมาสร้างจาก Recurring income ที่เป็นสาธารณูปโภคต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อทดแทนรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ (Land Sale) ที่หดหายไป เนื่องจากก่อนหน้านี้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จาก Land Sale สูงถึง 80% แต่ AMATA ต้องการที่ดันส่วนที่เป็น Recurring income ให้มากขึ้น เพราะเป็นอะไรที่แน่นอน สม่ำเสมอ คาดการณ์ได้ง่ายกว่านั่นเอง 

นอกจากนี้ บริษัทได้หันกลับมามองแผนการทำงานอีกครั้ง โดยพยายามปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนที่ไม่จำเป็น รวมถึงการดูแลลูกค้าด้วยการปรับลดค่าเช่า เพื่อให้ทุกคนสามารถผ่านสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปด้วยกัน

2. หุ้น EA

เปิดกลยุทธ์ 4หุ้น 02

โดยคุณสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ ปัจจุบันธุรกิจของ EA นั้นแยกออกเป็น 2  ส่วน ได้แก่

1. ธุรกิจที่ทำอยู่แล้ว ได้แก่ ไบโอดีเซล และโรงไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งมีสัญญารับรู้รายได้แน่นอนจากภาครัฐ จึงได้รับผลกระทบน้อยจากวิกฤติ 

2. ธุรกิจใหม่ของบริษัท เช่น โรงงานผลิตแบตเตอรี่ และโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ได้รับผลกระทบมากพอสมควรในเรื่องนำเข้าเครื่องจักร และแรงงานคนต่างๆ จนทำให้แผนหยุดชะงักไปช่วงนึง

อย่างไรก็ดี คุณสมโภชน์ กล่าวว่า เราพยายามมองให้เห็นโอกาสในวิกฤติ เพราะในมุมมองของโควิด-19 ก็มีเช่นกัน เนื่องจากกลายเป็นตัวเร่งให้เกิด New Normal เร็วขึ้น ซึ่งเป็นการผลักดันธุรกิจแบตเตอรี่ที่ถือว่าเป็น New S-CURVE ทำให้ EA ได้รับประโยชน์ไปด้วย

ทั้งนี้ ยืนยันว่าแผนธุรกิจระยะยาวยังเดินหน้าไปตามแผนที่วางไว้ โดยโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 50 GWh คาดว่าเฟสแรก จำนวน 1 GHw จะแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2564 ส่วนโรงงานผลิตรถบัสไฟฟ้า ตั้งเป้าหมายการผลิตที่ 3,000 คันในปี 2564

3. หุ้น JMT

เปิดกลยุทธ์ 4หุ้น 03

โดยคุณสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส คุณสุทธิรักษ์ อธิบายว่า JMT ผ่านวิกฤติรอบนี้ได้ เพราะเรียนรู้จากบทเรียนในอดีต เนื่องจากเคยผ่านวิกฤติครั้งใหญ่มาแล้วหลายครั้ง จึงได่นำบทเรียนครั้งก่อนๆ มาปรับใช้ ซึ่งทำให้บริษัทได้รับกระทบราว 10% เท่านั้น 

ที่สำคัญโควิด-19 รอบนี้ กลับเป็นโอกาสของ JMT เรื่องแรกคือ เมื่อลูกค้า Work from home มากขึ้น ทำให้บริษัทมีเวลาคุยกับลูกค้ามากขึ้นตามไปด้วย  จะเห็นเลยว่ากระแสเงินสดที่ JMT เก็บได้ในไตรมาส 2 เติบโตขึ้นมากกว่าไตรมาสแรกด้วยซ้ำ

อีกเรื่องคือตัวเลข NPLs ในระบบตอนนี้มีอยู่ 1.5 แสนล้านบาท และช่วงไตรมาส 4 จะหมดโปรพักชำระหนี้ จึงอาจมีหนี้เสียเข้าระบบอีกราว 3 แสนล้านบาท จึงเป็นโอกาสให้ JMT เลือกซื้อหนี้มาบริหารได้มากขึ้น ปีนี้เราวางงบซื้อหนี้ใหม่ 4 – 6 พันล้านบาท และปีหน้าจะขยับเป็น 1 หมื่นล้านบาท

4.หุ้น MEGA

เปิดกลยุทธ์ 4หุ้น 04

โดยคุณวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA)  เป็นธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากโควิด-19 เนื่องจากเราอยู่ในธุรกิจสุขภาพมายาวนาน โดยแบ่งสายธุรกิจเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 

1. ผลิตภัณฑ์ยาแบรนด์ Mega We Care 

2. ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้า Maxxcare 

3. รับจ้างผลิตยา (OEM) 

ดังนั้น ทุกไลน์ธุรกิจจึงได้รับผลบวกจากเทรนด์ที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น โดยช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 ที่โควิด-19 เริ่มระบาดใหม่ๆ ได้ส่งผลให้ยอดขาย MEGA เติบโตก้าวกระโดดมาก ขณะที่แผนระยะยาวของบริษัทยังเหมือนเดิม และพื้นฐานธุรกิจเรายังไม่เปลี่ยน ซึ่งจุดแข็งเราคือมีกระแสเงินสดเยอะ และภาระหนี้สินต่ำ

เนื้อหาทั้งหมดสรุปจาก [Live] SET in the City 2020 : เปิดกลยุทธ์นอกตำรา… ฝ่าวิกฤติ” บริษัทจดทะเบียนไทย สามารถรับชมเนื้อหาสัมมนาฉบับเต็มจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=A9lZuH9p8bE&t

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo