Finance

ส่อง 10 หุ้นขนาดกลาง ปัจจัยพื้นฐานแน่น

  • หุ้นขนาดกลางที่ดี ต้องมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตมั่นคง และเป็นผู้นำในธุรกิจ
  • การวิเคราะห์หุ้นขนาดกลาง เริ่มจากดูภาพรวมทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม แล้ววิเคราะห์หุ้นรายตัว ประเมินมูลค่าที่แท้จริง รวมถึงดูสภาพคล่องหรือปริมาณการซื้อขายรายวัน
  • เสน่ห์ของหุ้นขนาดกลาง นอกจากกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นแล้ว ควรมองอัตราเงินปันผลตอบแทนประกอบด้วย

cover 10 หุ้นขนาดกลาง ปัจจัยพื้นฐานแน่น

หลายคนอาจสงสัยว่า “หุ้นขนาดกลาง” วัดกันอย่างไร ซึ่งโดยปกติแล้ววิธีที่ง่ายที่สุดในการวัดขนาดหุ้น คือ การใช้มูลค่าบริษัท ณ ราคาตลาด (Market Capitalization) หรือที่นักลงทุนมักเรียกสั้นๆ ว่า Market Cap. แต่เนื่องจากการวัดขนาดหุ้นด้วย Market Cap. ไม่ได้มีเงื่อนไขตายตัว จึงขึ้นอยู่กับนักลงทุนแต่ละคนว่าจะใช้คำจำกัดความ Market Cap. เท่าใดมาเป็นตัวกำหนดขนาดหุ้น

ตัวอย่างเช่น

1. Market Cap. มากกว่า 30,000 ล้านบาทขึ้นไป ถือเป็นหุ้นขนาดใหญ่
2. Market Cap. ระหว่าง 5,000 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ถือเป็นหุ้นขนาดกลาง
3. Market Cap. น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท ถือเป็นหุ้นขนาดเล็ก

อย่างไรก็ตาม การดูขนาดหุ้น เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น เพราะสิ่งสำคัญอยู่ที่การค้นหาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีผลประกอบการเติบโต มั่นคง และเป็นผู้นำในธุรกิจให้เจอ เพราะความแข็งแกร่งของบริษัทในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว รวมถึงการประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ถือเป็นหัวใจหลักในการตัดสินใจลงทุน

โดยนักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนในหุ้นขนาดกลาง อาจมองว่าเป็นหุ้นที่มีเสน่ห์ เนื่องจากมีฐานกำไรที่ต่ำกว่าหุ้นขนาดใหญ่ เช่น หุ้น บริษัท A มีกำไร ณ วันนี้ปีละ 100 ล้านบาท โอกาสที่กำไรจะเติบโตเป็น 200 ล้านบาทยังมีมากพอสมควร เพราะฐานกำไรยังไม่สูงมาก ขณะที่หุ้น บริษัท B กำไร ณ วันนี้ปีละ 1 แสนล้านบาท โอกาสที่กำไรจะเติบโตเป็น 2 แสนล้านบาทนั้นยากกว่ามาก ดังนั้น หุ้นขนาดกลางจึงมักจะสร้างผลตอบแทนในระดับค่อนข้างสูง และแน่นอนว่าตามมาด้วยความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นขนาดกลาง ควรเริ่มจากการดูภาพใหญ่ระดับมหภาค เช่น สภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ทิศทางอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ อุตสาหกรรมใดรุ่ง อุตสาหกรรมใดร่วง จากนั้นก็วิเคราะห์หุ้นรายตัวโดยดูปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ต่อมาดู Story ของหุ้นว่ามีเรื่องดีที่จะขับเคลื่อนราคาหุ้นได้มากน้อยเพียงใด รวมถึงสภาพคล่องหรือปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันต้องหนาแน่น

อย่างไรก็ตาม อาจมีหุ้นขนาดกลางที่มีความหลากหลายทางธุรกิจ ซึ่งบางครั้งนักลงทุนอาจไม่มีข้อมูลมากเพียงพอ แนะนำว่าควรเพิ่มการพิจารณาการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันด้วย เช่น มีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่สามารถฝ่าฟันวิกฤติ COVID-19 ไปได้หรือไม่ หรือได้รับประโยชน์จากวิกฤติครั้งนี้อย่างไรบ้าง มีกระแสเงินสดเป็นบวก มีหนี้สินต่ำหรือไม่ก่อหนี้เลย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นขนาดกลางจะให้ความสำคัญกับเรื่องกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น (Capital Gain) เป็นหลัก แต่ก็มีหุ้นหลายตัวที่จ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ ดังนั้น ควรมองอัตราเงินปันผลตอบแทนประกอบด้วย โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนสูง เงินปันผลจะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้

27SEP หุ้นขนาดกลาง

เงื่อนไขการคัดกรอง

1. Market Cap. อยู่ระหว่าง 5,000 ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท
2. กำไรสุทธิเป็นบวกตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558 – 2562)
3. สิ้นไตรมาส 2 ปี 2563 อัตราเงินปันผลตอบแทน 7% ขึ้นไป
4. สิ้นไตรมาส 2 ปี 2563 ต้องมีเงินสดสุทธิ หลังจากหักหนี้สินทั้งหมดออกแล้ว

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใดนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

ฐิติเมธ โภคชัย
ผู้บริหารงาน ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
www.set.or.th

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo