“ผมทำธุรกิจนำเข้ารถมอเตอร์ไซค์แนวไลฟ์สไตล์ ปีนี้เข้าปีที่ 11 แล้ว” ดอม เหตระกูล นักแสดงหนุ่มทายาทธุรกิจสื่อดังค่ายเดลินิวส์ กล่าวถึงการนำเข้าบิ๊กไบค์ ธุรกิจซึ่งมาจากไลฟ์สไตล์ความชื่นชอบของตัวเอง ด้วยการนำเข้ารถมอเตอร์ไซค์แนวไลฟ์สไตล์แบรนด์ “ไทรอัมพ์” โดยเป็นทั้งผู้ก่อตั้ง และกรรมการผู้จัดการ บริษัท มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม จำกัด และ บริษัท บริทไบค์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์แบรนด์ “ไทรอัมพ์” คนแรกในประเทศเทศไทย
“ดอม” ทำตลาด ไทรอัมพ์ มาตั้งแต่ยุคบุกเบิกเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ก่อนหน้าที่บริษัทแม่ไทรอัมพ์ จะตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทย โดยตั้งโรงงานผลิต 2 แห่ง ป้อนตลาดรถบิ๊กไบค์ไทรอัมพ์สู่ตลาดโลก ซึ่งทุกวันนี้รถไทร์อัมพ์กว่า 60% ที่จำหน่ายอยู่ทั่วโลก ผลิตจากโรงงานในประเทศไทย ซึ่งมีกำลังการผลิต 6-7 หมื่นคัน/ปี
การเข้ามาของบริษัทแม่ไทรอัมพ์ จากอังกฤษ ทำให้โครงสร้างราคารถบิ๊กไบค์ แนวไลฟ์สไตล์แบรนด์นี้เปลี่ยนไป เมื่อไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ฐานราคาก็ปรับลดลงกว่า 20-30% ทำให้ตลาดเติบโตอย่างก้าวกระโดด นั่นคือเหตุการณ์เมื่อปี 2557 ที่บริษัทแม่ไทรอัมพ์เข้ามาลงทุนในไทย
เหตุการณ์ครั้งนั้น บริทไบค์ ก็ได้อานิสงก์เพราะทำให้ราคารถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ จากที่เคยเปิดราคาต่ำสุด 6.9 แสนบาท/คัน ลดมาเหลือเพียง 3.9 แสนบาท/คัน สำหรับรุ่นเริ่มต้น ทำให้ขายง่ายขึ้น ปีนั้นบริษัทขาย ไทรอัมพ์ ได้ทั้งสิ้น 1,400 คันสูงสุดเป็นประวัติการณ์
“ราคาใหม่ ทำให้คนจับต้องได้มากขึ้น เราก็ได้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น” ดอม เผยและว่า นับจากวันแรกที่บริทไบค์ ทำตลาดมาจนถึงปัจจุบัน มีฐานลูกค้าไลฟ์สไตล์ไบเกอร์รวมกว่า 2,000 คน สิ่งที่เขาต้องทำตลอดเพื่อรักษาฐานลูกค้า คือการจัดกิจกรรม การดึงไบเกอร์มาร่วมกิจกรรมแนวไลฟ์สไตล์ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
อีเวนท์สีสันจูงใจไบเกอร์ขยายฐานตลาด
เพื่อสร้างความรู้สึกภักดีในแบรนด์ ไทรอัมพ์ เนื่องจากเขามองว่า คนที่จะซื้อรถมอเตอร์ไซค์ราคาครึ่งล้านแบบนี้ ต้องมาจากความชื่นชมจริงๆ ต้องมาจากรอยัลตี้ที่มีต่อแบรนด์ และไลฟ์สไตล์ ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นนั้น ช่วยส่งเสริมด้านการตลาดได้มาก ทำให้มียอดไบเกอร์เข้ามาเป็นลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบัน มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม และ บริทไบค์ มีโชว์รูมบิ๊กไบค์พร้อมศูนย์ซ่อมบำรุงครบวงจร 3 แห่งด้วยกัน คือที่พระราม 9 (อาร์ซีเอ) ที่เชียงใหม่ และล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัววันนี้ (6 กันยายน 2561) คือ อาคาร มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม พืนที่ 1,500 ตารางเมตร ที่ถนนวิภาวดีรังสิต (ใกล้กับสนง.ใหญ่การบินไทย)
โชว์รูมไทรอัมพ์ แห่งที่ 3 ที่ถนนวิภาวดีตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร มอเตอร์ไซเคิล คิงดอม แต่ด้วยแบรนด์ของไทรอัมพ์ ที่โดดเด่นต่อไปคนอาจเรียกเป็นอาคารไทรอัมพ์ ก็ไม่แปลก ซึ่งที่นี่ ดอม เผยว่าต้องการสร้างให้เป็นคอมมูนิตี้ของคนรักบิ๊กไบค์ เพราะนอกจากศูนย์ซ่อมที่ชั้น 1 ของตัวอาคาร และโชว์รูมที่ชั้น 2 แล้ว
พื้นที่เหลือในชั้นที่ 3-4-5 จะเป็นพื้นที่แฟซิลิตี้ให้กับคนรักบิ๊กไบค์ และคนในย่านนี้ที่มีสำนักงานหลายบริษัท สามารถมาใช้บริการได้ เพราะจะมีภัตตาคารแนวญี่ปุ่น เปิดให้บริการที่ชั้น 5 ของอาคาร
แหล่งแฮงเอ้าท์แฟนคลับบิ๊กไบค์
นอกจากนั้นพื้นที่ชั้น 3 จะเปิดเป็นร้านค้าอุปกรณ์ เกี่ยวกับบิ๊กไบค์แนวไลฟ์สไตล์ ไว้รองรับแฟนคลับบิ๊กไบค์ที่มาใช้บริการ และพื้นที่ชั้น 5 ของอาคาร จะเป็นฟิตเนส เพื่อเป็นแหล่งรวมคนที่ชอบออกกำลังกาย ทั้งแฟนคลับบิ๊กไบค์และคนทั่วไป
“ผมอยากให้ที่นี่ เป็นที่แฮงเอ้าท์เท่ห์ๆ ของไบเกอร์แนวไลฟ์สไตล์ เป็นที่รวมคนรักบิ๊กไบค์” ดอม ย้ำและว่าบริการต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมด จะพร้อมเปิดบริการได้ภายในปลายปีนี้ แต่ส่วนโชว์รูมและศูนย์ซ่อม เริ่มเปิดบริการแล้ว
ส่วนแผนการขยายธุรกิจ พระเอกหนุ่มนักธุรกิจบอกว่า จะขยายไลน์ธุรกิจไปที่การจัดอีเวนท์แนวไลฟ์สไตล์ ของคนรักมอเตอร์ไซค์ โดยเน้นทำกิจกรรมสำหรับสาวกมอเตอร์ไซค์ ที่ทุกคนสามารถเข้ามาร่วมได้โดยไม่แยกค่าย ไม่แบ่งระดับ ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ใหญ่ หรือเล็ก ทุกคันล้วนมี “มูลค่า”และ “คุณค่า”ในตัวเอง
ดอม บอกว่าอยากเห็นสังคมที่รวมกลุ่มคนรักมอเตอร์ไซค์เข้าไว้ด้วยกัน ล่าสุดจึงได้จับมือกับ ดิ เอ็มโพเรียม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ จัดกิจกรรม “ม้อด VS. ร็อกเกอร์ เฟสติวัล” ขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 29กันยายน ศกนี้”
งานอีเวนต์แต่ละครั้ง จะช่วยดันยอดขายไม่ว่าจะเป็นการออกงานบางกอกมอเตอร์โชว์ หรืออีเวนต์แนวไลฟ์สไตล์ ซึ่งสร้างคุณค่าในจิตใจของคนรักบิ๊กไบค์ สร้างความภักดีต่อแบรนด์ และเพิ่มยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง
ทำธุรกิจกับความชื่นชอบและไลฟ์สไตล์ ต้องให้น้ำหนักเรื่องอารมณ์ความสุนทรีย์ และลอยัลตี้
แม้จะเป็นธุรกิจที่ขายความพึงพอใจ ขายความชื่นชอบส่วนบุคคล แต่เป้าหมายทางธุรกิจก็ยังคงมีเช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ดอม เผยว่าเป้าหมายของบริษัทปีนี้ ตั้งเป้าจะขายบิ๊กไบค์ไทรอัมพ์ ให้ได้ 700 คัน แต่ครึ่งปีผ่านมาเพิ่งทำยอขายไปได้ 300 คัน ช่วงครึ่งหลังของปีอาจต้องเร่งสปีดมากขึ้น เพื่อกระตุ้นยอดขาย แต่ก็มั่นใจว่าถึงอย่างไรตลาดบิ๊กไบค์แนวไลนด์สไตล์ในบ้านเรา ก็ยังเติบโตไปไม่น้อยกว่า 10%
