Politics

‘บิ๊กป้อม’เลือกใคร! เลขาธิการพลังประชารัฐคนใหม่ ‘เสี่ยแฮงค์ vs สันติ’

เลขาธิการพลังประชารัฐคนใหม่ จับตา”บิ๊กป้อม” เทใจให้ใครระหว่าง”อนุชา-สันติ” วงในแบ่งขั้วตั้งกองเชียร์ เลือกแม่บ้านคนใหม่แทน”สนธิรัตน์”  3 ก.ค.นี้รู้ผล  

เลขาธิการพลังประชารัฐคนใหม่ และหัวหน้าพรรคคนใหม่  เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 จะเป็นวันประชุมใหญ่สามัญเลือกกรรมการบริหาร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ชุดใหม่ เพื่อคัดเลือกเข้ามาแทน  อุตตม สาวนายน  รักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งกำหนดที่จะเรียกประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรค ในวันที่ 19 มิถุนายน 2563 เพื่อกำหนดวาระวันประชุมใหญ่สามัญในการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

การประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรควันที่ 19 มิถุนายน 2563 คงไม่ได้มีอะไรมากมาย เป็นเพียงกำหนดวาระการประชุมก็แค่นั้น แต่การประชุมวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 มีลุ้นมากกว่า เพราะเป็นการประชุมที่มีสมาชิกพลังประชารัฐเข้าร่วม เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรค ใหญ่กว่านี้คือการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ตำแหน่งนี้บอกเลยไม่มีคู่แข่งใดๆ ที่จะเข้ามาเบียดเรียกว่า“นอนมา”นั่นคือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค แว่วมาว่า จับเข่าเคลียร์กันลงตัวไปแล้ว เมื่อสองวันก่อน กับกลุ่มหัวหน้าและเลขาธิการพรรคชุดเก่า

เลขาธิการพลังประชารัฐคนใหม่

ตำแหน่งเลขาธิการพรรคคนใหม่ แทน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รักษาการเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐคนปัจจุบัน อาจ “จุดชนวน” แบ่งขั้วภายในพรรคขึ้นมาอีกครั้ง เพราะตำแหน่งนี้วันนี้มีผู้ท้าชิงอยู่อย่างน้อย 2 คน ที่สำคัญต่างคนก็ต่างมีผู้สนับสนุน คนแรก เสี่ยแฮงค์  อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท จาก “กลุ่มสามมิตร” ที่กลายเป็นมือขวาของ “บิ๊กป้อม”ไปแล้ว ผู้ซึ่งพลาดท่ามาแล้วครั้งก่อน กับตำแหน่งแม่บ้านพรรค แต่วันนี้คู่ท้าชิงของ เสี่ยแฮงค์ คือ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตอนนี้ได้แรงสนับสนุนจาก“ผู้กองมนัส” คีย์แมนคนสำคัญ งานนี้อาจต้องสร้างความลำบากใจให้กับ “บิ๊กป้อม”อีกครั้ง ระหว่าง“เสี่ยแฮงค์”กับ“สันติ” จะให้น้ำหนักใคร?

แน่นอนการจะเลือกใครสักคน สำคัญคนนั้นจะต้องมีบารมีมากพอ ในการจัดการกับสมาชิกพรรค รวมถึงเพื่อนต่างพรรคการเมืองด้วยกันเอง ไม่ได้ทำหน้าที่แต่แม่บ้านภานในพรรคอย่างเดียว สำคัญยิ่งตำแหน่งเลขาธิการพรรค จะต้องทำงานคู่ขนานไปกับหัวหน้าพรรคให้ได้ เรียกว่าต้องประสานสิบทิศให้ได้ งานนี้อาจต้องเป็นบทพิสูจน์ “บิ๊กป้อม”อีกครั้งว่าจะให้น้ำหนักกับใคร จะเลือก คนที่กระชับกระเฉง หรือว่า เลือกคนที่สูงวัย

หากมองย้อนกลับไปที่ เสี่ยแฮงค์  อนุชา นาคาศัย ต้องยอมรับว่า ระยะหลังดูเหมือนเป็นเงาตามตัว “บิ๊กป้อม” ใช้งานมาอย่างต่อเนื่องในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องทางการเมือง เรียกว่าประสานสิบทิศได้ ก็มีจุดทดสอบมาให้เห็นหลายเรื่องแล้ว การประสานสิบทิศจนสำเร็จมาแล้วของ เสี่ยแฮงค์ จนทำให้คนบางกลุ่มในพลังประชารัฐเกิดความหมั่นใส้มาแล้ว แต่กับเกมการเมืองบ้านเราในสถานการณ์อย่างนี้ เสี่ยแฮงค์  ก็น่าจะมีความเหมาะสมมากที่สุด กับบทบาท“แม่บ้านพลังประชารัฐ” อาจไม่ต้องปวดหัวกับการเมืองสักเท่าไหร่นับจากนี้ 

เหมือนมีคนในกลุ่มสามมิตร เคยพูดไว้ว่า “บิ๊กป้อม” จะไม่เหนื่อยและไม่ปวดหัว ถ้าเรียกใช้กลุ่มสามมิตร

ส่วน สันติ พร้อมพัฒน์ วันนี้ มีกองเชียร์ทั้งกลุ่มชายและกลุ่มหญิงที่สนับสนุนให้เข้ามารับบทบาทเลขาธิการพลังประชารัฐ  ผู้สนับสนุนบางคนอยากได้ตำแหน่งนี้เอง แต่บังเอิญยังไม่สะอาดพอที่จะเข้ามทำหน้าที่ตรงนี้ เลยทำได้แค่กองเชียร์ คอยดันหลัง เพื่อสู้กับ เสี่ยแฮงค์ อาจเป็นเพราะคนคนนี้บังเอิญไม่ชอบขี้หน้า เสี่ยแฮงค์ ด้วยก็เป็นได้ เลยต้องเข้าสู่โหมดทำหน้าที่กองหนุน

จึงต้องอดใจรอการเลือกเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จะสร้างความร้าวฉานขึ้นมาภายในพรรคอีกหรือไม่ งานนี้ต้องอดใจรอ แต่ “บิ๊กป้อม” ว่าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่เท่านั้นที่จะชี้เป็นชี้ตายใครคือ แม่บ้านตัวจริง! 

เลขาธิการพลังประชารัฐคนใหม่

เส้นทางการเมือง “อนุชา นาคาศัย”

สำหหรับ อนุชา นาคาศัย เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2503 เริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมือง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชัยนาท สังกัดพรรคไทยรักไทย ต่อมาในปี 2550 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมืองปี 2549 ยังเคยให้การสนับสนุนทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย  ต่อมาในปี 2561 ได้ย้ายมาร่วมงานกับ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับรับตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค

อนุชา ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองและคนสนิทของ สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำ“กลุ่มสามมิตร” ที่มี “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ร่วมกลุ่มอยู่ด้วย มาอย่างยาวนาน เรียกว่าสามคนนี้ไปไหนมาไหนต้องไปด้วยกันเสมอ

ในปี 2561 ในนามของกลุ่ม “สามมิตร” เข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ พร้อมส.ส.ในกลุ่มอีก 32 คน อนุชา ก็ได้เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค ช่วงที่ผ่านมามีการจัดครม. อนุชา พลาดเก้าอี้มาแล้วครั้งหนึ่งรวมถึงตำแหน่งเลขาธิการพรรค แต่ก็ถูก“บิ๊กป้อม” เรียกไปใช้งานอย่างใกล้ชิดช่วงที่ผ่านมา จนกลายเป็น“มือวางทางการเมือง”ไปแล้ว

“สันติ พร้อมพัฒน์”กว่าจะมาถึงวันนี้

ส่วน สันติ พร้อมพัฒน์  เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2495 ก่อนเข้าสู้เส้นทางการเมือง เป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท นวพัฒนาธานี จำกัด ประกอบธุรกิจประเภท พัฒนาที่ดิน อสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรม ผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักร และชิ้นส่วนรถยนต์ ต่อมาได้เข้ามาทำงานการเมือง โดยการเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ) ในปี 2537 และเป็นกรรมการบริหารพรรคความหวังใหม่

จากนั้นได้สมัครเข้ารับเลือกตั้ง เป็น ส.ส.จังหวัดเพชรบูรณ์ 2 สมัย คือปี 2538 และปี 2539 จากนั้นจึงได้ย้ายเข้ามาร่วมกิจกรรมกับพรรคไทยรักไทย และลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ในปี 2548 และระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในปี 2550 จนกระทั่งได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

เลขาธิการพลังประชารัฐคนใหม่

สันติ พร้อมพัฒน์  เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในรัฐบาลของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  ต่อมาได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเปิดทางให้มีการเลื่อนบุคคลอื่นขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทน กระทั่งในเดือนมิถุนายน 2556  ได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 ได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย  การเลือกตั้งในครั้งนั้นถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้เป็น โมฆะ

วันที่ 7 พฤษภาคม 2557 สันติ  ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยขาดความชอบธรรม

วันที่ 18 พฤศจิกายน  2561 สันติ ได้ย้ายมาสังกัด พรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับสมาชิกกลุ่มสามมิตรกว่า 60 คน ในปี 2562  สันติ ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight