วัคซีนโควิด-19 จากจีน ใกล้เสร็จสิ้นการทดลองทางคลินิกแล้ว “ไชน่า เนชันแนล ไบโอเทค กรุ๊ป” (CNBG) ผู้ผลิตคาด พร้อมวางตลาดได้ภายในสิ้นปีนี้ หรือปีหน้า หลังจากที่การทดลองวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดเนื้อตาย ทางคลินิกเสร็จสิ้นลง
ซีเอ็นบีจี ซึ่งเป็นบริษัทในสังกัดไชน่า เนชันแนล ฟาร์มาซูติคัล กรุ๊ป หรือซิโนฟาร์ม (Sinopharm) บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของจีน กำลังพัฒนาวัคซีนโรคโควิด-19 ชนิดเนื้อตาย โดยอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิก ระยะที่ 2 จำนวน 2 รายการ และได้เพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนแล้ว
ซีเอ็นบีจีเผยว่ามีประชาชนได้รับวัคซีนข้างต้นมากกว่า 2,000 คน และข้อมูลทางคลินิกได้รับรองความปลอดภัยและประสิทธิภาพ รวมถึงปรากฏอาการข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ต่ำกว่าวัคซีนอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันอย่างมาก
ซีเอ็นบีจีได้เพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนด้วยการก่อสร้างหน่วยการผลิตขนาดใหญ่ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งผ่านข้อกำหนดการป้องกันความปลอดภัยทางชีวภาพระดับสูง โดยหน่วยการผลิตดังกล่าวสามารถผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 ชนิดเนื้อตาย 100-120 ล้านหลอดต่อปี เมื่อเริ่มผลิตขนานใหญ่
ขณะเดียวกันการก่อสร้างหน่วยการผลิตวัคซีนอีกแห่งในนครอู่ฮั่นจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนมิถุนายน หรือต้นเดือนกรกฎาคม โดยหากรวมหน่วยการผลิตทั้งสองแห่งแล้ว แต่ละปีจะสามารถผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 ชนิดเนื้อตายได้ 200 ล้านหลอด
เริ่มทดลองเดือนเมษายน
การเคลื่อนไหวข้างต้น ยังเกิดขึ้นหลังเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซิโนฟาร์ม เคยเปิดเผยว่า การทดลองวัคซีนชนิดเชื้อตาย ซึ่งดำเนินการในเมืองเจียวจั้ว มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน จะใช้ วิธีวิจัยทั้งแบบสุ่ม การทดลองแบบอำพรางสองฝ่าย (double-blind) และการควบคุมด้วยยาหลอก (placebo-controlled) โดยการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 นั้น จะมุ่งเน้นไปที่กระบวนการให้วัคซีน และจะเข้าสู่การทดลองทางคลินิกระยะที่สามด้วย
การทดลองทางคลินิกของวัคซีนโรคโควิด-19 ชนิดเชื้อตายระยะแรก และระยะที่สองได้รับการอนุมัติจากสำนักงานบริหารเวชภัณฑ์แห่งชาติ (NMPA) ผ่านช่องทางพิเศษ
อย่างไรก็ดี กระบวนการทดลองทางคลินิกทั้งหมดอาจใช้เวลาประมาณ 1 ปี กว่าจะแล้วเสร็จ และได้ ข้อสรุปถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยการคาดการณ์ว่า การทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 ของวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเสร็จสมบูรณ์อย่างเป็นลำดับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป โดยปัจจุบันยังไม่มีรายงานอาการไม่พึงประสงค์ที่สำคัญจากการทดลอง
จีนมีวัคซีนโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 ได้แก่ วัคซีนชนิดใช้อะดิโนไวรัสเป็นตัวนำพา (adenovirus vector vaccine) จำนวน 1 ตัว และ วัคซีนชนิดเชื้อตาย (inactivated vaccine) จำนวน 4 ตัว และมีสำนักบริหารเวชภัณฑ์แห่งชาติ (NMPA) เฝ้าติดตามการทดลองอย่างใกล้ชิด
NHC บอกด้วยว่า การทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 ของ วัคซีนโควิด-19 มี อาสาสมัครเข้าร่วมทั้งหมด 2,036 ราย โดยขณะนี้ คณะนักวิจัยกำลังประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดข้างต้น
วัคซีนโควิด-19 ปลอดภัย-กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา วารสารการแพทย์ เดอะ แลนเซต เปิดเผยว่า การทดลองวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของจีน ซึ่งเป็นวัคซีนโรคโควิด-19 ตัวแรกที่ผ่านการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 ปรากฏผลว่าปลอดภัย ทนทาน และสร้างการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ในมนุษย์ได้
สำหรับการทดลองดังกล่าว เป็นการทดลองแบบเปิด (open-label trial) ในผู้ใหญ่สุขภาพดี 108 คน พบผลลัพธ์เชิงบวกหลังเวลาผ่านไป 28 วัน โดยจะมีการประเมินผลลัพธ์สุดท้ายภายใน 6 เดือน
ขณะเดียวกันจำเป็นต้องมีการทดลองเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ว่าการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
ศาสตราจารย์เฉิน เว่ย จากสถาบันเทคโนโลยีชีวภาพปักกิ่ง ซึ่งรับผิดชอบการศึกษาครั้งนี้ กล่าวว่า ผลลัพธ์ที่ได้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ การทดลองพบว่าวัคซีนโรคโควิด-19 ชนิดใช้อะดิโนไวรัส ไทป์ 5 เป็นตัวนำพา (Ad5-nCoV) ผลิตแอนติบอดีและเซลล์ที (T cell) แบบจำเพาะไวรัสภายใน 14 วัน จึงกลายเป็นวัคซีนที่มีศักยภาพต่อการตรวจสอบเพิ่มเติม
ทั่วโลกต่างเร่งพัฒนาวัคซีนโควิด-19
ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต่างก็กำลังพัฒนาคิดค้นวัคซีนต่อต้านเชื้อไวรัสโควิด-19
นอกจากจีนแล้ว ประเทศที่ถือว่ามีความก้าวหน้าในด้านนี้อย่างมาก สามารถเริ่มฉีดทดลองในคนระยะที่ 1 แล้ว รวมถึง สหรัฐ อังกฤษ เยอรมนี และออสเตรเลีย ทั้งยังมีวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 อีกราว 114 ชนิด ที่อยู่ระหว่างการทดลองในสัตว์ทดลอง
ที่มา : สำนักข่าวซินหัว
- ‘จีน’ เผยผลทดลอง วัคซีนโควิด’ปลอดภัย-กระตุ้นภูมิคุ้มกัน’
- ‘ทรัมป์’ มั่นใจ ‘วัคซีนโควิด19’ มาแน่ ปลายปีนี้ เมินผู้เชี่ยวชาญชี้ ต้องใช้เวลา 18 เดือน
- ‘ญี่ปุ่น’ ประกาศทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ทางคลินิก ก.ค. นี้