General

ข่าวดี! ผู้ป่วย COVID-19 ‘ชาวจีน’ รักษาหาย กลับบ้านเพิ่ม 1 ราย

สธ.เผยข่าวดี ผู้ป่วยนักท่องเที่ยวจีน รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 1 ราย ย้ำประชาชนเดินทางกลับจากประเทศเสี่ยง รับผิดชอบตัวเอง เฝ้าระวังอาการอย่างน้อย 14 วัน งดไปที่ชุมชน-ใช้ขนส่งสาธารณะ-ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบพบแพทย์ 

รายงานจากศูนย์ฉุกเฉินด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ถึงสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ 2019 หรือ COVID-19 ถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563

1. ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 14 ราย กลับบ้านแล้ว 21 ราย รวมสะสม 35 ราย

2. ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 22 กุมภาพันธ์ 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวน ต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 1,355 ราย คัดกรองจากสนามบิน 68 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 1,287 ราย รวมคัดกรองไปแล้ว 3,046,342 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว และอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,071 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 284 ราย

3. สถานการณ์ทั่วโลกใน 30 ประเทศ และ 2 เขตบริหารพิเศษ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 23 กุมภาพันธ์ 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 78,673 ราย เสียชีวิต 2,459 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 76,932 ราย เสียชีวิต 2,441 ราย

DSC 0248

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนพ.สุรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า วันนี้มีผู้ป่วยยืนยันกลับบ้านได้เพิ่มอีก 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ 54 ปี รักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ทำให้ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันรักษาหายกลับบ้านแล้ว 21 ราย คิดเป็น 60% ของผู้ป่วยในประเทศไทย เหลือนอนในโรงพยาบาล 14 ราย ส่วนใหญ่อาการดีขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่ใช้เครื่องเอคโม (ECMO) หรือเครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอด และรายที่เป็นวัณโรคร่วมด้วย อาการคงที่ ยังคงใช้เครื่องช่วยหายใจทั้ง 2 ราย

สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศนั้น องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่มีคำแนะนำ ห้ามการเดินทางไปยังประเทศ ที่มีการระบาด ตลอดจน ยังไม่มีการกำหนดเป็นมาตรการที่จำเพาะ สำหรับผู้เดินทางระหว่างประเทศ ในส่วนของไทยในฐานะสมาชิก WHO ได้ดำเนินการตามคำแนะนำของ WHO และได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและคัดกรอง ผู้เดินทางระหว่างประเทศ ในทุกช่องทางเข้าออกประเทศ ครอบคลุม ทั้งด่านบก เรือ อากาศ ตลอดจนการเฝ้าระวัง ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง ทั้งรัฐและเอกชน

อย่างไรก็ตามการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทย จะประสบความสำเร็จไม่ได้ หากขาดความร่วมมือจากประชาชน ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนที่เดินทา งมาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดอย่างต่อเนื่อง หรือมีการระบาดภายในประเทศ (local transmission)

ได้แก่ จีน (รวม ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ โดยรายชื่อของประเทศที่มีรายงานการระบาด จะมีการประกาศแจ้งเป็นระยะกรุณาติดตามได้ที่เว็บไซต์กรมควบคุมโรค ขอให้ท่านรับผิดชอบสังคม โดยเฝ้าระวังอาการตนเองอย่างน้อย 14 วัน งดไม่ไปที่ชุมชน งดใช้ขนส่งสาธารณะ งดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น หากมีอาการสงสัยป่วย ขอให้สวมหน้ากากอนามัย วัดไข้ทุกวัน หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ แจ้งประวัติการเดินทาง หรือโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

นอกจากนี้ ในขณะนี้มีความห่วงใยของผู้ปกครอง และสถานศึกษาต่างๆ ที่มีนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งบุคลากรของสถานศึกษา กลับจากการเดินทางไปต่างประเทศ และมีข้อกังวลเรื่องการติดเชื้อ โดยพบว่ามีหลายสถานศึกษาที่ให้นักเรียน นักศึกษา และบุคลากร ไปโรงพยาบาลเพื่อขอตรวจหาเชื้อ และขอใบรับรองแพทย์ก่อนไปโรงเรียนนั้น

ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข เข้าใจถึงความกังวลของผู้ปกครอง และผู้บริหารของสถานศึกษาในกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขไม่แนะนำให้ไปขอตรวจ และขอใบรับรองแพทย์ เนื่องจาก

  • ไปตรวจหาเชื้อในช่วงที่ไม่มีอาการ โอกาสพบเชื้อน้อยมาก หรือหากตรวจแล้ว พบว่าเป็นลบก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะไม่ป่วยจึงไม่มีความจำเป็นที่จะไปขอตรวจ ในขณะที่ไม่มีอาการ
  • ไปโรงพยาบาลโดยไม่มีความจำเป็น จะเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยง ในการได้รับเชื้อจากโรงพยาบาล และที่สำคัญอาจนำเชื้อต่างๆ ไปติดผู้ป่วยในโรงพยาบาล ซึ่งมีร่างกายไม่แข็งแรงได้
  • ควรรีบไปตรวจ เมื่อมีอาการตามคำแนะนำ ของกระทรวงสาธารณสุข

สำหรับสถานศึกษาที่มีนักเรียนนักศึกษา ที่เดินทางมาจาก พื้นที่ที่มีการระบาดขอให้ปฏิบัติตนดังนี้

1. ขอความร่วมมือให้นักเรียน นักศึกษา บุคลากรที่เดินทาง มาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาด พักอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน (self quarantine at home)

2. สถานศึกษา ควรจัดให้มีมาตรการคัดกรองนักเรียน นักศึกษา บุคลากรทุกวันโดยวัดไข้และสังเกตอาการ ไอ มีน้ำมูก เพื่อจะแยกตัวไปยังสถานที่เตรียมไว้ได้ทันที

3.นักเรียน นักศึกษา บุคลากรที่เดินทาง มาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาด ให้สังเกตอาการป่วยของตนเอง งดออกไปในที่สาธารณะ ที่มีคนอยู่จำนวนมาก งดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น วัดไข้ทุกวัน ไม่ใช่ของร่วมกับผู้อื่น ไม่ใช้ขนส่งสาธารณะ หากอาการไม่ดีขึ้นให้ใส่หน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง หรือ โทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

4. สถานศึกษา ควรจัดให้มีเจ้าหน้าที่หรือครูอนามัยเพื่อประสานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่

5. สถานศึกษา ต้องจัดให้มีอุปกรณ์สำหรับการล้างมือ และแอลกอฮอล์เจลอย่างเพียงพอ สำหรับนักเรียน นักศึกษา บุคลากร

ทั้งนี้ข้อแนะนำประจำวันในการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็นสวมหน้ากากอนามัยแบบผ้าที่สะอาดเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก ผู้ป่วยและผู้ที่มีอาการ ไอ จาม

ควรใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ สำหรับหน้ากากอนามัยประเภท N95 จะใช้ในเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาใกล้ชิดกับผู้ป่วย

info COVID 19TH

Avatar photo