CEO INSIGHT

‘ไชยแสง’ ห้างยืนหนึ่งสิงห์บุรี ขยับสู่ซูเปอร์สโตร์ ยืนหยัดได้เพราะ ‘ขายแต่ของแท้’

จากจุดเริ่มต้นร้านขายผ้าเมตร “เตี่ยไช่เส็ง” จนถึงปีนี้ที่ ไชยแสง ดีพาร์ทเมนต์สโตร์ เข้าสู่ปีที่ 29 และเป็นห้างสรรพสินค้าเพียงหนึ่งเดียวของจังหวัดสิงห์บุรี ที่ยืดหยัดอยู่มาได้ยาวนานและแข็งแกร่ง จึงเป็นที่น่าสนใจถึงกลยุทธ์ของยักษ์ค้าปลีกท้องถิ่นรายนี้

84635

นั่นเพราะวันนี้ สิงห์บุรี เป็นจังหวัดที่เริ่มมีค้าปลีกรายใหญ่จากส่วนกลางเข้ามาท้ารบชิงเค้กแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ห้างแม็คโคร ห้างท็อปพลาซ่า ที่ปักธงทำเลติดถนนสายเอเชียทางเข้าจังหวัดสิงห์บุรี แต่ห้างไชยแสงฯ ยังคงคึกคัก มีลูกค้ามาใช้บริการเหนียวแน่น ด้วยฐานลูกค้าสมาชิกถึง 20,000 คน ทั้งในจังหวัดสิงห์บุรีและจังหวัดใกล้เคียง

เทียนชัย ตรีชัยรัศมี ผู้เปิดบันทึกหน้าแรก ตั้งแต่ก่อตั้งห้างไชยแสง เล่าย้อนถึงก้าวแรกของห้างไชยแสง หรือ ไชยแสง ดีพาร์ทเมนต์สโตร์ว่า เปลี่ยนผ่านจากร้านขายผ้า และตัดเสื้อผ้าสำเร็จรูป จนขยับขยายมาขายเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์เนม และยีนส์ ซึ่งทำให้สร้างการรับรู้และฐานลูกค้าประจำได้อย่างเหนียวแน่น เพราะ ที่นี่ “ขายแต่ของแท้เท่านั้น”

จากเสื้อผ้าแบรนด์เนม ต่อมาก็เริ่มมีสินค้าเครื่องสำอางเข้ามาจำหน่าย มีพีซีมาประจำร้าน จนทำให้ร้านที่เป็นห้องแถว 3 คูหาเริ่มคับแคบ จึงมองหาลู่ทางขยับขยาย โดยมีที่ดินเก่าที่ซื้อเก็บไว้นานแล้วประมาณไร่เศษ แต่ขณะนั้นถือว่าเป็นทำเลที่ค่อนข้างไกลจากชุมชน เนื่องจากเมืองยังไม่ขยายตัว จึงตัดสินใจมาสร้างเป็นอาคาร 3 ชั้น ติดแอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ไชยแสง ดีพาร์ทเมนต์สโตร์ในปัจจุบัน และถือเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของจังหวัดสิงห์บุรี

84638
เทียนชัย และ สุนีย์ ตรีชัยรัศมี

เมื่อย้ายมาเปิดที่ใหม่ แต่ด้วยชื่อเสียงจากการ “ขายของแท้” ทำให้มีลูกค้าตามมาซื้อสินค้าโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น และโชคดีที่ร้านใหม่ อยู่ใกล้โรงเรียนเทคนิค ใกล้โรงหนัง หลังจากเรียนหนังสือ ห้างไชยแสงก็กลายเป็นที่พบปะหลังเลิกเรียน หรือมารอดูหนัง

“จนถึงตอนนี้ กลุ่มนักเรียนสมัยนั้น ยังกลับมาใช้บริการเป็นประจำ”

จุดเปลี่ยนของห้างไชยแสง เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 เนื่องจากเป็นช่วงที่กำลังวางแผนขยายพื้นที่ห้างให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับลูกค้าและสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ โดยจะขยายพื้นที่ด้านหลังขึ้นอีก 3 ชั้น แต่เมื่อเกิดวิกฤติ ผู้รับเหมาไม่มีเงินทุนมาก่อสร้าง ทำให้ต้องปรับแผนใหม่ ด้วยการค่อยๆ ขยายจากชั้น 1 ก่อน จากนั้นปีต่อไป จึงขยายชั้น 2 นอกจากนี้ ยังได้ปรับตัวด้วยการเปิดพื้นที่ด้านหลัง ทำเป็นธุรกิจขายส่งเพื่อสู้วิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้ผ่านพ้นวิกฤติมาได้

 

ในปี 2559 ที่ผ่านมา ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่อีกครั้งของห้างไชยแสง ด้วยการลงทุนหลัก 100 ล้านบาท ปรับโฉมใหม่ทั้งหมด เพื่อรองรับแบรนด์ใหม่ๆ ที่ติดต่อมาขอเช่าพื้นที่ ส่งผลให้ปัจจุบัน มีแบรนด์อินเตอร์เข้ามาเปิดให้บริการมากขึ้น เช่น สตาร์บัคส์, โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, ร้านกระเป๋าอะเนลโล จนถึงร้านอาหารอย่าง ตำมั่ว, สเวนเซ่นส์ เป็นต้น

84633

เมื่อถามถึงการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกในจังหวัดสิงห์บุรี ที่มีผู้ประกอบการค้าปลีกจากส่วนกลางอย่าง ท็อปส์ เข้าไปเปิดรูปแบบ พลาซ่า รวมถึงแม็คโคร เทียนชัยยอมรับว่า แรกๆ ก็กลัวเหมือนกัน แต่ตอนนี้เฉยๆ เพราะไม่เห็นผลกระทบกับห้างไชยแสง ประกอบกับไชยแสงมีพันธมิตรที่ดีและมีศักยภาพเข้ามาเปิดในห้าง

นอกจากนี้ การที่ไชยแสงเปิดมานาน ทำให้มีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น ทั้งจากประชาชนในจังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงมีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้
จุดแข็งของไชยแสงที่ทำให้ยืนหยัดอยุ่ได้จนถึงทุกวันนี้ ด้วยแนวคิดที่ยึดมั่นเสมอมาว่า จะไม่เอาเปรียบลูกค้า ทั้งด้านราคาสินค้า และการบริการ สินค้ามีความหลากหลายให้เลือก โดยปัจจุบันมีฐานลูกค้าสมาชิกถึง 20,000 คน

นอกจากธุรกิจดีพาร์ทเมนต์สโตร์แล้ว ไชยแสงยังขยับขยายไปสู่ธุรกิจโรงแรมในจังหวัดสิงห์บุรี จากจุดเริ่มต้นที่มีคนมาเสนอขายโรงแรมไชยแสงพาเลซในปี 2554 และเห็นว่าทำเลอยู่ใกล้ไชยแสง ดีพาร์ทเมนต์สโตร์ จึงตัดสินใจซื้อไว้ เพราะอยากกระจายความเสี่ยงและเห็นว่า ธุรกิจโรงแรมเกื้อหนุนกับธุรกิจค้าปลีกที่ทำอยู่ได้ โดยเฉพาะการเป็นที่พักรองรับสำหรับคู่ค้า พาร์ทเนอร์ธุรกิจที่เข้ามาพบปะขายสินค้า
ตามด้วยการขยายธุรกิจโรงแรมแห่งที่ 2 ภายใต้ชื่อ ไชยแสงวิลล่า ในปี 2559 ซึ่ง เทียนชัย บอกว่า ถึงวันนี้ สรุปได้ว่า ธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่ดี

84631

ธุรกิจล่าสุดของไชยแสงคือ การขยายเข้าสู่ธุรกิจซูเปอร์สโตร์ เพื่อเน้นขายส่งสินค้า ภายใต้ชื่อ ไชยแสงซูเปอร์สโตร์ ที่เปิดในโครงการ ซีเอส พาร์ค ที่เป็นของไชยแสงเช่นกัน บนพื้นที่ 40-50 ไร่ จากความตั้งใจที่จะพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ในอนาคต โดยจะมีทั้งซูเปอร์สโตร์ ตลาดกลางคืน ร้านอาหาร และพื้นที่สำหรับกิจกรรมต่างๆ

ปัจจุบัน ไชยแสงเริ่มถ่ายทอดธุรกิจสู่เจนเนอเรชั่น 2 ซึ่งมีด้วยกัน 3 คนจากบุตรธิดาทั้งหมด 4 คน โดย 3 คนที่เข้ามาช่วยดูแลธุรกิจประกอบด้วย ภาคภูมิ พี่ชายคนโต ดูแลธุรกิจดีพาร์ทเมนต์สโตร์, ,โชว์สิริ บุตรสาว ดูแลซูเปอร์สโตร์ และโรงแรม และ เอกภูมิ ดูแลโครงการซีเอส พาร์ค

แม้จะมีรุ่นลูกเริ่มเข้ามาช่วยสานต่อธุรกิจ แต่วันนี้ เทียนชัย และ สุนีย์ ภรรยาที่เป็นทั้งคู่คิดและคู่ใจ ยังแข็งแรงและดูแลธุรกิจด้วยกัน พร้อมทั้งวางวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจให้รุ่นลูกยึดมั่นในเรื่องการเป็นคนดี มีคุณธรรม ไม่เอาเปรียบลูกค้า ขายสินค้าราคายุติธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ไชยแสงยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้

81276 0

เทียนชัย ปิดท้ายว่า เป้าหมายที่อยากเห็นคือ อยากให้ไชยแสงอยู่คู่จังหวัดสิงห์บุรีตราบนานแสนนาน ซึ่งนั่นหมายความว่า อยู่นิ่งไม่ได้ และต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้ทันสมัยอยู่เสมอ สมกับสโลแกนของไชยแสงที่ว่า “สร้างสรรค์ ชีวิตทันสมัย”

Avatar photo