“ทย.” ออกโรงค้านโอน “สนามบินกระบี่” ให้ “ทอท.” บริหารแทนแบบฟรีๆ หวั่นกระทบรายได้องค์กรและขาดเงินดูแลสนามบินอีก 24 แห่ง เตรียมชงบิ๊ก “คมนาคม” เปลี่ยนใช้วิธีจ้างบริหาร หรือเปิดประมูล PPP เพื่อความโปร่งใส
ตามที่นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการขอเข้าไปบริหารท่าอากาศยาน 4 แห่งในสังกัดกรมท่าอากาศยาน (ทย.) โดยขอเปลี่ยนจากท่าอากาศยานสกลนครเป็นท่าอากาศยานบุรีรัมย์ และขอเปลี่ยนจากท่าอากาศยานชุมพรเป็นท่าอากาศยานกระบี่แทนนั้น
นางอัมพวัน วรรณโก อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยว่า กรมท่าอากาศยานไม่เห็นด้วยกับการส่งมอบท่าอากาศยานกระบี่ให้ทอท. บริหารจัดการ เพราะจะกระทบในทางลบต่อประชาชนและผู้ใช้บริการท่าอากาศยานแห่งอื่น ๆ ทั่วประเทศ
เนื่องจากในปี 2561 กรมท่าอากาศยานมีรายได้จากการให้บริการท่าอากาศยานภูมิภาคทั้ง 28 แห่ง จำนวนรวม 852 ล้านบาท รายได้หลักมาจากท่าอากาศยานกระบี่จำนวน 469 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55.05% ดังนั้นถ้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ ทอท. เข้าไปดูแลและบริหารจัดการท่าอากาศยานกระบี่ ก็จะส่งผลให้กรมท่าอากาศยานขาดรายได้หลัก ซึ่งจะนำไปใช้บริหารจัดการและซ่อมแซมบำรุงท่าอากาศยานที่เหลืออีก 24 แห่ง
รัฐบาลลงทุน 6 พันล้านบาท
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ใช้งบประมาณลงทุนพัฒนาท่าอากาศยานกระบี่ไปมากแล้ว เช่น การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 และการขยายลานจอดอากาศยานซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ อีกทั้งในปีงบประมาณ 2563 กรมท่าอากาศยานเตรียมขอรับงบประมาณในการก่อสร้างทางขับขนานด้วย รวมงบประมาณทั้งสิ้นในการพัฒนาท่าอากาศยานกระบี่เป็นจำนวน 6,000 กว่าล้านบาท ซึ่งก็คาดหวังว่าจะนำรายได้มาจัดเก็บเข้ากองทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยาน
กองทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยาน จะนำไปใช้ในการบริหารจัดการและซ่อมแซมบำรุงรักษาท่าอากาศยาน เช่น จ้างพนักงานให้เพียงพอ การซ่อมบำรุงสิ่งอำนวยความสะดวกประเภทลิฟท์ บันไดเลื่อน สายพานลำเลียง ซึ่งมีข้อขัดข้องไม่สามารถตั้งงบประมาณไว้ล่วงหน้าได้ ดังนั้น รายได้ที่เข้าสู่กองทุนจึงเป็นกลไกในการบริหารจัดการท่าอากาศยานให้สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ทันต่อการให้บริการผู้โดยสาร
ประกอบกับขณะนี้กรมท่าอากาศยานอยู่ในระหว่างจัดทำโครงสร้างเงินทุนหมุนเวียนเพื่อปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการพึ่งพางบประมาณของรัฐปีละ 1,000 ล้านบาท และใช้สำหรับแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนของผู้โดยสารในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่เพียงพอ การซ่อมบำรุงล่าช้าและการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานสนามบิน ดังนั้น ถ้าหาก ทอท. เข้ามาบริหารท่าอากาศยานกระบี่จะทำให้เกิดผลกระทบตามมาอีกมากมาย
เสนอจ้างบริหารหรือเปิด PPP
นางอัมพวัน กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากประเด็นดังกล่าว กรมท่าอากาศยานจึงจะเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาใช้วิธีอื่นในการบริหารท่าอากาศยานกระบี่แทน โดยกรมท่าอากาศยานจะเสนอให้ใช้วิธีจ้างเอกชนรายอื่นมาบริหาร หรือเปิดประมูลแบบรัฐเอกชนร่วมลงทุน (PPP) เพื่อไม่ให้กรมท่าอากาศยานต้องขาดรายได้ในส่วนนี้ ถ้าหาก ทอท. สนใจเข้าบริหารท่าอากาศยานกระบี่ ก็สามารถเข้าร่วมประมูลพร้อมกับเอกชนรายอื่นๆ ได้และทำให้เกิดความโปร่งใสด้วย ส่วนท่าอากาศยานอีก 3 แห่งที่ ทอท. ต้องการเข้าบริหารนั้น กรมท่าอากาศยานไม่มีปัญหาหรือข้อติดใจใดๆ
“ทย. ขอสอบถามว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในผลกระทบที่เกิดขึ้น อีกทั้งคำขอของพื้นที่ในการสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่เพื่อบริการประชาชนในพื้นที่ที่ห่างไกล อาจจะต้องขอทบทวนหรืออาจจะมีขึ้นได้ยาก เนื่องจาก ทย. ไม่สามารถรับภาระในการบริหารจัดการและซ่อมบำรุงท่าอากาศยานที่เหลือทั้ง 24 แห่งได้ ดังนั้น ทย. อาจเสนอกระทรวงคมนาคมให้พิจารณาเรื่องการใช้วิธี management contract หรือ PPP ในการบริหารท่าอากาศยานกระบี่เพื่อความโปร่งใส” นายอัมพวันกล่าว