COVID-19

เอชเอสบีซี ฟื้นแผนเลิกจ้าง 35,000 ตำแหน่ง เดินหน้าปรับโครงสร้างครั้งใหญ่

เอชเอสบีซี ธนาคารรายใหญ๋สุดในยุโรป ฟื้นแผนปลดพนักงาน 35,000 ตำแหน่ง พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจ ชี้ การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้แผนยกเครื่องกิจการ ที่เคยประกาศช่วงต้นปีนี้ กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนมากขึ้น

โนเอล ควินน์ ซีอีโอ เอชเอสบีซี ระบุในจดหมายถึงพนักงาน เมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.) ว่า ธนาคารจำเป็นต้องยกเลิกการหยุดเลิกจ้าง และลดจำนวนพนักงานทั่วโลกราว 15% เพื่อให้เหลือพนักงานราว 200,000 คน ในช่วง 3 ปีต่อจากนี้

“พวกคุณคงได้เห็นแล้วว่า กำไรของเราร่วงลง ในไตรมาสแรก และการคาดการณ์เศรษฐกิจตามความเป็นจริง บ่งชี้ให้เห็นถึงช่วงเวลาอันท้าทาย ในภายภาคหน้า ความจริงก็คือ มาตรการต่างๆ และการเปลี่ยนแปลง ที่เราประกาศออกมา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ มีความจำเป็นมากขึ้นในวันนี้ เราไม่สามารถระงับ การสูญเสียตำแหน่งงานเอาไว้ได้แล้ว”

เอชเอสบีซี

ก่อนหน้านี้ เอชเอสบีซีได้เลื่อนแผนการปรับลดพนักงาน ในเดือนมีนาคม โดยในเวลานั้น ธนาคารประเมินสถานการณ์ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจจะไม่รุนแรง ถึงขั้นต้องมีการปลดพนักงาน

ควินน์ ระบุว่า ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารได้ตัดสินใจ ที่จะระงับแผนเลิกจ้างทั้งหมดเอาไว้ก่อน เพื่อให้พนักงานมีความไม่มั่นคงน้อยลง และปกป้องความสามารถในการให้บริการลูกค้าของธนาคาร ในช่วงเวลาที่ กำลังเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19

แต่ในขณะนี้ ธนาคารจำเป็นต้องมองไปในระยะยาว เดินหน้าแผนการ เปลี่ยนถ่ายองค์กร และลดค่าใช้จ่ายลงมา

“เมื่อต้องตัดสินเกี่ยวกับการตัดลดในด้านต่างๆ เราดำเนินการไปอย่างระมัดระวัง และนำเงื่อนไขต่างๆ ในท้องถิ่นเข้ามาร่วมพิจารณาด้วย เราตั้งเป้าที่จะมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายงาน ในจุดที่เราสามารถทำได้”

เอชเอสบีซี ระบุด้วยว่า จะดำเนินทุกความพยายาม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง ด้วยพนักงานภายในองค์กรก่อน

ทั้งนี้ การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเอชเอสบีซี ที่กำลังดำเนินการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของธนาคาร หลังจากในช่วงไตรมาสแรก ธนาคารรายงานผลกำไรก่อนหักภาษีดิ่งลงถึง 48% มาอยู่ที่ 3,200 ล้านดอลลาร์ ทั้งยังต้องกันเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ไว้รองรับหนี้เสีย ที่เกิดการจากวิกฤติโควิด-19 ด้วย

ธนาคาร ยังต้องเผชิญกับแรงกดดันในฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดที่ทำกำไรให้กับเอชเอสบีซี ราวครึ่งหนึ่งของยอดรวมกำไรทั้งหมดเมื่อปี 2562

ในเดือนนี้ เอชเอสบีซีโดยวิจารณ์อย่างรุนแรง จากเจ้าหน้าที่รัฐบาลในสหรัฐ และอังกฤษ หลังจากที่ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารในเอเชีย ประกาศอย่างเปิดเผยว่า ธนาคารสนับสนุนกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ ที่รัฐบาลจีนนำมาใช้กับฮ่องกง ขณะเดียวกัน ท่าทีดังกล่าวของเอชเอสบีซี ก็ดูเหมือนจะไม่ได้เอาชนะใจรัฐบาลปักกิ่งได้ ทำให้เกิดข้อกังขาถึงโอกาสของธนาคารในตลาดแดนมังกร

GettyImages 1218669865

ส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ยกเครื่องธุรกิจของเอชเอสบีซี เกี่ยวข้องกับ การโยกทรัพยากรออกจากสหรัฐ และยุโรป ไปยังตะวันออกกลาง และเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่ทำกำไรหลักให้กับบริษัทอยู่แล้ว ทั้งยังมีแผนที่จะขายทิ้งสินทรัพย์มูลค่าราว 100,000 ล้านดอลลาร์ ภายสิ้นปี 2565 ลดขนาดธุรกิจวาณิชธนกิจ และปิดสาขาในสหรัฐราว 1 ใน 3 ของสาขาที่มีอยู่ทั้งหมด

ควินน์ แจ้งต่อพนักงานของธนาคารด้วยว่า บริษัทยังไม่สามารถกำหนดตารางเวลาอย่างชัดเจนสำหรับการเลิกจ้างได้ แต่ในกำหนดระยะเวลาที่แจ้งไปยังกิจการในแต่ละภูมิภาคนั้น บ่งชี้ว่า พนักงานเกือบทั้งหมดของธนาคาร ยังจะถูกจ้างงานต่อไปเกือบตลอดทั้งปีนี้

การเคลื่อนไหวข้างต้นยังเกิดขึ้น หลังเมื่อปี 2562 เอชเอสบีซี เพิ่งปลดพนักงานในตำแหน่งงาน ที่ซ้ำซ้อนไป 4,700 ราย ท่ามกลางการดำเนินงาน ที่ธนาคารระบุว่า มีความซับซ้อน และท้าทายมากขึ้น จากอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ ความขัดแย้งทางการค้า และความไม่แน่นอนในเรื่องเบร็กซิท

ในครั้งนั้น แหล่งข่าวภายใน ระบุว่า ธนาคารรายใหญ่สุดของยุโรปรายนี้ กำลังดำเนินความพยายาม ที่จะควบคุมค่าใช้จ่ายในรอบหลายปี และจะส่งผลให้ธนาคารลดจำนวนพนักงานอย่างเป็นรูปธรรม จากที่มีการจ้างงานอยู่เกือบ 238,000 ตำแหน่ง

“เรารู้มานานหลายปีแล้วว่า เราจำเป็นต้องทำบางอย่าง เกี่ยวกับฐานค่าใช้จ่ายของเรา ซึ่งจะมีการดำเนินรูปแบบการบริหาร ที่ยากอย่างมากต่อไป เรากำลังตั้งคำถามอยู่ว่า ทำไมเราถึงมีพนักงานเป็นจำนวนมากในยุโรป ในเมื่อเราได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นตัวเลข 2 หลัก เมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์ในเอเชีย” แหล่งข่าวระบุ

การเคลื่อนไหวเมื่อปีที่แล้ว ของธนาคาร ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ อุตสาหกรรมธนาคารโลก กำลังลดพนักงานหลายหมื่นตำแหน่ง จากความท้าทายที่เผชิญอยู่จำนวนมาก รวมถึง ดอกเบี้ยในระดับต่ำ หรือติดลบ และรายได้จากการลงทุนที่ซบเซา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo