ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (26 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 9 เดือน ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ผลจาก “เงินดอลลาร์” แข็งค่าขึ้น ประกอบกับความกังวลเรื่องการเร่งขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้เศรษฐกิจถดถอย จนความต้องการบริโภคน้ำมันลดลง
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ร่วงลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 76.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนเดียวกัน ร่วงลง 2.09 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 84.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันทั้ง 2 ชนิด ปิดแตะระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัววัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์ เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.81% แตะที่ระดับ 114.1030 เมื่อวานนี้ โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย และส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนพฤศจิกายน และปรับขึ้นอีก 0.50% ในเดือนธันวาคม ซึ่งหากเป็นไปตามคาด จะทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยในระดับ 0.75% ติดต่อกันถึง 4 ครั้ง และทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเฟดพุ่งแตะระดับ 4.25-4.50% ในช่วงสิ้นปีนี้ สูงกว่าระดับ 2.50% ซึ่งเป็นระดับดอกเบี้ย ที่เฟดมองว่าเป็นกลาง ไม่ผ่อนคลาย หรือเข้มงวดจนเกินไป
นักลงทุนยังจับตาผลกระทบของการที่สหภาพยุโรป (อียู) ใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย โดยมาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนธันวาคม รวมทั้งจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติพันธมิตร หรือโอเปคพลัส ในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือนพฤศจิกายน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไออีเอ’ ชี้ ‘รัสเซีย’ ผลิตน้ำมันมากเกินคาด แต่ ‘มาตรการคว่ำบาตร’ เริ่มกระทบ
- ราคาน้ำมันโลกพุ่ง! คนไทยซื้อแพงขึ้น 44.7% ขณะที่ยอดใช้ 9 เดือนร่วง 5.2%
- ‘ซีอีโอเอ็กซอน’ เตือน เปลี่ยนใช้ ‘พลังงานหมุนเวียน’ กะทันหัน ทำ ‘ราคาน้ำมัน’ พุ่ง