World News

‘ราคาน้ำมัน WTI’ ดิ่งแรง แตะ 81 ดอลลาร์ ผิดหวังข้อมูลการค้าจีน-วิตกดอกเบี้ยขาขึ้น

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI)  ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ดิ่งลงแรงเกือบ 5 ดอลลาร์ เหตุข้อมูลการค้าจีนอ่อนแอ ทำนักลงทุนหวั่นว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งยังโดนแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลก เร่งขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนตุุลาคม ร่วงลง 4.94 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 81.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ร่วงลง 4.83 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งราคาน้ำมันทั้ง 2 ชนิดต่างปิดแตะระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้

ราคาน้ำมัน

ตลาดเจอแรงกดดันจากข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ของจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีน รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นเพียง 7.1% ชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนกรกฎาคม ที่ขยายตัว 18% เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ และภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าจีนในต่างประเทศลดลง ขณะที่ยอดการนำเข้าเดือนที่แล้ว ขยับขึ้นเพียง 0.3% ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้านั้น ที่ปรับตัวขึ้น 2.3%

ข้อมูลระบุด้วยว่า จีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกนั้น นำเข้าน้ำมันดิบ 9.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม ลดลงจากระดับ 8.79 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม ส่วนยอดนำเข้าน้ำมันดิบในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 9.92 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลง 4.7% เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์สกัดโรคโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันนี้ และคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เช่นกันในวันที่ 21 กันยายน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo