“ไบเดน” เจอตั้งคำถาม “ยุติธรรม” ต่อผู้เสียภาษี และคนที่คืนเงินแล้วหรือไม่ หลังประกาศแผน “ยกหนี้กยศ.” ตามที่เคยสัญญาไว้ก่อนหน้านี้ ให้นักศึกษาอเมริกันราว 20 ล้านคน
บีบีซี รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ประกาศล้างหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ให้นักศึกษาอเมริกันคนละ 10,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 360,000 บาท ที่มีรายได้ต่ำกว่าปีละ 125,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.5 ล้านบาท) ซึ่งคาดว่าจะช่วยเหลือนักศึกษาจำนวน 20 ล้านคนไม่มีหนี้ทางการศึกษาอีกต่อไป
ไบเดน ยังประกาศล้างหนี้ของกองทุนเพลล์ (Pell Grants) ที่รัฐบาลกลางสหรัฐ ให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจขั้นพื้นฐาน แก่นักศึกษาระดับปริญญาตรีอีกคนละ 20,000 ดอลลาร์ ซึ่งนักศึกษากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก
“ผู้คนจะได้คืบคลานออกจากกองภูเขาแห่งหนี้สินได้เสียที” ไบเดนกล่าว
อย่างไรก็ตาม มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับท่าทีของไบเดน ซึ่งมีทั้งผู้ที่เรียกร้องให้เขาออกมาตรการช่วยเหลือมากกว่านี้ และผู้ที่ตั้งคำถามเรื่องความยุติธรรมต่อผู้เสียภาษี และบรรดาผู้ที่จ่ายคืนเงินกู้กยศ. ไปแล้ว
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันราว 43 ล้านคน ติดหนี้ที่กู้ยืมมาเพื่อการเรียน รวมแล้วคิดเป็นมูลค่าหนี้ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้เกือบ 1 ใน 5 เป็นหนี้ที่ติดไว้ไม่ถึงคนละ 10,000 ดอลลาร์ ทั้ง ลูกหนี้การศึกษาจำนวน 1 ใน 3 ยังเป็นหนี้โดยที่ไม่มีวุฒิการศึกษา
แผนการปลดหนี้การศึกษาของไบเดน ซึ่งต้องใช้งบประมาณสูงราว 300,000 ล้านดอลลาร์ ยังตกเป็นเป้าวิจารณ์ด้วยว่า อาจจะไม่ได้ช่วยเหลือกลุ่มคนที่ต้องการมากที่สุด
บรรดานักวิเคราะห์ทางการเมือง มองว่า การประกาศล้างหนี้การศึกษาดังกล่าว ก็เพื่อเพิ่มคะแนนสนับสนุนในการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมทั้งเป็นการหาคะแนนเสียง ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยกว่าครึ่งของชาวอเมริกัน ที่ติดหนี้ทางการศึกษามีอายุต่ำกว่า 35 ปี อันเป็นกลุ่มที่ไบเดนต้องการได้คะแนนเสียงจากพวกเขา
อย่างไรก็ตาม หากดูมูลค่าหนี้ในภาพรวมจำนวนลูกหนี้ 16% มีหนี้การศึกษาเกินกว่าครึ่งของมูลค่าหนี้รวมทั้งประเทศนั้น แต่ละรายมียอดกู้ยืมกว่า 60,000 ดอลลาร์ โดยมีสัดส่วนลูกหนี้การศึกษาที่ติดหนี้ 10,000 ดอลลาร์ ตามเงื่อนไขที่ไบเดนประกาศไว้นั้น ก็เป็นเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น
ทั้งนี้ มาตรการผ่อนผันยุติการจ่ายคืนหนี้การศึกษาชั่วคราว เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2563 หรือเมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว และถูกขยายต่อไปจนถึงเดือนธันวาคมปีนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
