“โจ ไบเดน” เรียกร้องบริษัทกลั่นน้ำมันในสหรัฐ ผลิตน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลมากขึ้น ระบุ กำไรของบริษัทเหล่านี้เพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วงที่เกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะที่ชาวอเมริกันต้องแบกรับราคาที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
วีโอเอ รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ส่งจดหมายถึงบริษัทกลั่นน้ำมันเจ็ดแห่งว่า ควรรับมือโดยทันทีต่อสถานการณ์ที่ครอบครัวต่าง ๆ เผชิญอยู่ในขณะนี้ และว่า บริษัทเหล่านี้จะต้องทำงานร่วมกับรัฐบาล เพื่อให้มีทางออกที่เป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อวิกฤติที่เกิดขึ้น
บริษัท 7 แห่งที่นายไบเดน ส่งจดหมายให้ รวมถึง มาราธอน ปีโตรเลียม, วาเลโร เอเนอร์จี, เอ็กซอน โมบิล, ฟิลลิปส์ 66, เชฟรอน, บีพี และเชลล์
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยทั่วสหรัฐในขณะนี้ อยู่ที่ราว 5 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ซึ่งเป็นภาระต่อชาวอเมริกันจำนวนมาก และเป็นภัยทางการเมืองต่อพรรคเดโมแครต ที่กำลังเข้าสู่การเลือกตั้งกลางเทอม
ภาวะเงินเฟ้อทำให้ราคาสินค้าต่าง ๆ เริ่มสูงขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐ ฟื้นตัวจากการระบาดของโรคโควิด-19 ภาวะเงินเฟ้อเร่งตัวมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาจากราคาพลังงานและอาหารที่สูงขึ้น หลังรัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกติดขัด
จดหมายจากผู้นำสหรัฐ บอกด้วยว่า เมื่อเดือนมีนาคม ราคาน้ำมันอยู่ที่ราว 4.25 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และราคาน้ำมันดิบในช่วงเวลานั้น ก็เคลื่อนไหวใกล้ระดับราคาในปัจจุบันที่ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สะท้อนให้เห็นว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น 75 เซนต์ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนนี้ เกิดขึ้นเพราะการกลั่นน้ำมันลดลง และการทำกำไรที่ “สูงที่สุด เท่าที่เคยมีการบันทึกมา”
ผู้นำสหรัฐ มองว่า โรงกลั่นน้ำมันกำลังตักตวงผลประโยชน์ จากความไม่แน่นอนของสงคราม โดยข้อความของนายไบเดน ที่ระบุว่า ความโลภของบริษัทต่าง ๆ ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น เป็นที่ถกเถียงในกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ แต่ก็อาจเป็นความเห็นในทางเดียวกันกับผู้ลงคะแนนเสียงให้เขา
ก่อนหน้านี้ สมาชิกสภาสหรัฐ สายเสรีนิยมบางส่วนเสนอให้มีการออกนโยบายจำกัดกำไรของบริษัทน้ำมัน ในช่วงที่เงินเฟ้อสูงขึ้น
เมื่อเดือนมีนาคม นายเบอร์นีย์ แซนเดอร์ วุฒิสมาชิกสหรัฐ สังกัดอิสระ เสนอให้มีการเก็บภาษี 95% ของกำไรบริษัทที่ได้เพิ่มมา เมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของบริษัทเหล่านี้ในช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19
ผู้นำสหรัฐ ยังวิจารณ์การทำกำไรในช่วงวิกฤติโลกที่อาจทำให้ยุโรป และภูมิภาคอื่น ๆ เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเขาบอกว่า เอ็กซอนโมบิล บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ “ทำเงินได้มากกว่าพระเจ้าในปีนี้” ซึ่งทางเอ็กซอนโมบิล โต้กลับมาว่า บริษัทได้แจ้งทางรัฐบาลถึงแผนการลงทุน เพื่อเพิ่มการผลิตน้ำมัน และกำลังการกลั่นน้ำมันไปแล้ว
นายไบเดน บอกด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐพร้อมใช้เครื่องมือที่เหมาะสม และอำนาจฉุกเฉินเพื่อเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันในอนาคตอันใกล้ และเพื่อให้มั่นใจว่า จะมีน้ำมันส่งอย่างทั่วถึงทั่วประเทศ โดยนายไบเดน ได้เริ่มปล่อยน้ำมันสำรอง และเพิ่มมาตรฐานการผสมเอทานอลในน้ำมันแล้ว แม้มาตรการทั้งสองจะยังไม่ส่งผลต่อราคาน้ำมันเท่าใดก็ตาม
ผู้นำสหรัฐ ยังสั่งการให้ นางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีพลังงาน จัดการประชุมพลังงาน และปรึกษาสภาปิโตรเลียมแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปรึกษาพลังงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ โดยเขาขอให้แต่ละบริษัท อธิบายสถานการณ์กำลังการกลั่นน้ำมันตั้งแต่ปี 2563 ว่า มีช่วงไหนที่กำลังการผลิตลดลงบ้าง
เขายังต้องการให้บริษัทต่าง ๆ เสนอ “แนวคิดอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อรับมือปัญหาน้ำมันในคลัง ราคาน้ำมัน และกำลังการกลั่นน้ำมันในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ รวมทั้งมาตรการการขนส่งเพื่อนำน้ำมันเข้าสู่ท้องตลาด”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิดเหตุผล ‘ราคาน้ำมัน’ ยังแพงอีกนาน
- สำรวจหุ้นปั๊มน้ำมัน ในยุคที่ราคาน้ำมันแพงทุบสถิติ!!
- ‘ราคาน้ำมัน WTI’ ดิ่งถึง 115 ดอลลาร์ หวั่นดีมานด์ร่วง เหตุ ‘สต็อกพุ่ง-เฟดขึ้นดอกเบี้ย’
