การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น ๆ สร้างความกังวลว่า ลาว และกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกที่เปราะบางอื่น ๆ กำลังเสี่ยงจะเผชิญกับวิกฤติหนี้
นายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ระบุในการประชุมประจำปีของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ที่จัดขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ณ กรุงทบิลิซิ ประเทศจอร์เจีย ว่า ประเทศรายได้ปานกลาง และรายได้ต่ำบางแห่งยังคงมีความเปราะบางด้านหนี้สินอย่างรุนแรง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ (3 พ.ค.) นายซูซูกิได้หารือเรื่องการบริหารหนี้อย่างยั่งยืน (Debt Sustainability) กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจากกลุ่มประเทศเกาะในแปซิฟิก และในวันเดียวกัน เอดีบีได้เห็นพ้องกับกลุ่มผู้บริจาคในการอัดฉีดเงินทุน เพื่อสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของประเทศสมาชิก เช่น การสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยญี่ปุ่นเป็นผู้บริจาคเงินรายใหญ่ที่สุด
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ และประเทศรายได้ปานกลางในเอเชีย จะเติบโตแตะระดับ 82.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้น 3% จากปีที่แล้ว โดยสูงกว่าสัดส่วน 36.2% ของกลุ่มประเทศในยุโรป และ 68.5% ในลาตินอเมริกา
เอดีบี ระบุว่า อัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Debt-to-GDP ratio) ของกลุ่มประเทศรายได้ต่ำในเอเชีย มีแนวโน้มจะปรับขึ้น 1% สู่ระดับ 44.6% ส่วนเมื่อปีที่แล้ว 70% ของกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกขาดดุลทางการคลัง
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟได้ประเมินว่า 9 จาก 69 ประเทศรายได้ต่ำ จะเผชิญกับปัญหาหนี้ต่างประเทศ ขณะที่อีก 25 ประเทศ มีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญปัญหาหนี้ต่างประเทศ โดยลาวอยู่ในกลุ่มประเทศที่จะเผชิญวิกฤติหนี้ ส่วนมัลดีฟส์ ปาปัวนิวกินี คิริบาส และหมู่เกาะมาร์แชลล์ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศเสี่ยงสูงที่จะเผชิญปัญหาหนี้ต่างประเทศ
ธนาคารโลกระบุว่า หนี้สาธารณะของลาวทะลุ 120% ของจีดีพีในปี 2566 โดยครึ่งหนึ่งของหนี้ต่างประเทศมาจากจีน ขณะที่ผู้สังเกตการณ์บางรายระบุว่า ตัวเลขหนี้สาธารณะที่แท้จริงจะสูงกว่านี้มากหากนับรวมหนี้สาธารณะที่ปกปิดเอาไว้ โดยมีรายงานว่าจีนได้ผ่อนปรนหนี้สินอย่างไม่เป็นทางการ
“ลาวไม่ได้เป็นเพียงประตูสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของจีนอีกต่อไป แต่ปัจจุบันลาวกำลังถูกครอบงำจากจีน ที่มีเป้าหมายเพื่อก้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในภูมิภาคดังกล่าว” นักการทูตอาเซียนรายหนึ่ง ระบุ
เงินกีบลาว อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ และเงินบาทของไทย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเข้มแข็งทางการคลังของลาว ซึ่งบั่นทอนการชำระหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น
อนึ่ง ลาวพึ่งพาเชื้อเพลิง และอาหารนำเข้าเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงมีความกังวลว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้น และในเดือนกรกฎาคม 2566 รัฐบาลลาวได้กำหนดให้ใช้เงินกีบเท่านั้นในการชำระหนี้ในประเทศ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ฟิทช์’ หั่นแนวโน้ม ‘ความน่าเชื่อถือจีน’ เหลือ ‘ลบ’ หวั่นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำรัฐแบกหนี้เพิ่ม
- ‘ฟิลิปปินส์’ เสนอขาย ‘ตราสารหนี้อิสลาม’ หวังระดมทุน ‘แก้งบขาดดุล-กระตุ้นเศรษฐกิจ’
- ‘เอสแอนด์พี โกลบอล’ ชี้ ‘ดอกเบี้ยสูง’ ส่อกดดัน ‘อันดับความน่าเชื่อถือ’ บริษัท-แบงก์ยุโรป
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg