ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ร่วงลงแตะระดับ 92 ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงกดดันจากความกังวลว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนตุลาคม ร่วงลง 2.37 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 92.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.88 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 99.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดเจอแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 60.5% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 กันยายนนี้ และให้น้ำหนักเพียง 39.5% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50%
นอกจากนี้ ตลาดยังบตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งเริ่มขึ้นแล้วเมื่อวานนี้ และจะสิ้นสุดลงในวันพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
นักลงทุนยังกังวลว่า หากการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่าน และชาติตะวันตกมีความคืบหน้า ก็อาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐ สหภาพยุโรป (อียู) และอิหร่านยังคงดำเนินต่อไปในขณะนี้ โดยอิหร่านเปิดเผยว่า ได้รับการตอบกลับจากสหรัฐเกี่ยวกับข้อเสนอสุดท้ายที่ร่างโดยอียู สำหรับการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 แล้ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไบเดน’ จ่อผลักดัน ‘ยกเว้นภาษีน้ำมัน-ลดกำแพงภาษีจีน’ ช่วยคนอเมริกันรับมือเงินเฟ้อ
- เปิดเหตุผล ‘ราคา น้ำมัน’ ยังแพงอีกนาน
- ‘ยูเออี’ ลั่น ทำงานร่วม ‘โอเปกพลัส’ สร้างเสถียรภาพ ‘ตลาดน้ำมันโลก’