“ช้อปปี้” อีคอมเมิร์ซชั้นนำ ในเครือ “ซี กรุ๊ป” ปลดพนักงานครั้งใหญ่ในตลาดทั่วโลก รวมถึง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการเดินหน้าลลดขนาดกิจการ
ดีลสตรีทเอเชีย รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า “ช้อปปี้” ได้ดำเนินการปลดพนักงานเป็นจำนวน ครอบคลุมถึงหลายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้ง อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม โดยบริษัทได้จัดการส่งอีเมลแจ้งให้พนักงานที่ถูกเลิกจ้างรับทราบแล้ว
แหล่งข่าวเผยด้วยว่า พนักงานของ ช้อปปี้เพย์ และช้อปปี้ฟูด 2 ธุรกิจด้านการชำระเงิน และจัดส่งอาหาร ในเครือช้อปปี้ จะถูกเลิกจ้างด้วย โดยบริษัทได้จัดการประชุมขึ้นเมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) เพื่อแจ้งข่าวการเลิกจ้างดังกล่าวต่อพนักงาน
นิกเคอิ เอเชีย ยังรายงานอ้างแหล่งข่าว 2 ราย ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ข้างต้นว่า พนักงานของช้อปปี้เพย์ และช้อปปี้ฟูด ในไทย ถูกเลิกจ้างเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนการจ้างงานทั้งหมด โดยแหล่งข่าวรายหนึ่งบอกว่า พนักงานถูกสั่งให้กลับบ้าน แล้วรออีเมลแจ้งว่าจะโดนปลดหรือไม่
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลดจำนวนพนักงานในเม็กซิโก อาร์เจนตินา และชิลี รวมถึงยกเลิกทีมงานธุรกิจข้ามแดน สำหรับตลาดสเปน
ช้อปปี้ลดขนาดกิจการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ
แชนแนล นิวส์ เอเชีย รายงานว่า นายคริว เฟิ่ง ประธานบริหารช้อปปี้ ได้ส่งบันทึกภายในถึงพนักงานของบริษัท ระบุว่า เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้างมากกว่าเดิม โดยบริษัทเชื่อว่า จำเป็นจะต้องดำเนินการในเรื่องที่ยาก ๆ แต่มีความสำคัญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และมุ่งเน้นไปที่ทรัพยากรของบริษัท
“ในฐานะธุรกิจแล้ว การเคลื่อนไหวนี้ ถือเป็นการรับประกันว่า เราจะยังอยู่ในสถานะที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในการปรับขนาดอย่างยั่งยืน และได้รัยชัยชนะในท้ายสุด”
นายเฟิ่ง บอกด้วยว่า การตัดสินใจลดจำนวนพนักงานในตลาดต่าง ๆ ลงมานั้น เกิดขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท ในกลุ่มธุรกิจ และตลาดบางแห่ง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนพนักงานที่ถูกเลิกจ้างแต่อย่างใด
รายงานของดีลสตรีท ระบุว่า ช้อปปี้ได้เลิกจ้างงานมาระยะหนึ่งแล้ว จากการที่บริษัทมีตัวเลขขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าธุรกิจของบริษัทแม่อย่าง ซี กรุ๊ป ยังส่งสัญญาณให้เห็นถึงการทำกำไรโดยรวมที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทกลับมาจากธุรกิจเกมอย่าง “การีนา”
ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ช้อปปี้ ที่แม้จะยังขาดทุนอยู่ แต่มีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยมีรายการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น 71.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี คิดเป็นมูลค่า 1,900 ล้านดอลลาร์ ทั้งอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยค่าธรรมเนียมจากธุรกรรม และรายได้จากการโฆษณา ที่เติบโตเร็วขึ้น ทำให้มีอัตรากำไรที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับบริการที่มีมูลค่าเพิ่มอื่นๆ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กวาดล้างชุด ATK เถื่อน อย.จับมือ ลาซาด้า ช้อปปี้ HDmall ตรวจสอบก่อนซื้อ
- ‘บัตรเครดิตกสิกรไทย-ช้อปปี้’ ตั้งเป้าโต 3 เท่า รับช้อปออนไลน์บูม
- ‘กสิกรไทย’ รับกระแสรูดปื๊ด ‘ช้อปปี้’ โต 120% จับมือเปิดบัตรใหม่ จัดหนักสิทธิประโยชน์