อินเดีย ตัดสินใจระงับการส่งออกวัคซีนออกซ์ฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตในอินเดียไว้ชั่วคราว หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในประเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานอ้างแหล่งข่าวในกระทรวงการต่างประเทศอินเดียว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นรอบใหม่ ทำให้คาดว่า จะมีความต้องการวัคซีนป้องกันโควิดในประเทศ จะพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับชาวอินเดียก่อน
การเคลื่อนไหวดังกล่าว ที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า เป็น ภาวะตึงตัวชั่วคราว นั้น คาดว่า จะส่งผลกระทบต่อการจัดหาวัคซีนไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ และอาจส่งผลกระทบต่อ 190 ประเทศที่เข้าร่วมโครงการบริจาควัคซีน “โคแว็กซ์” ซึ่งนำโดยองค์การอนามัยโลกด้วย โดยโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อรับประกันว่า มีการแบ่งปันวัคซีนต้านโควิด-19 อย่างเท่าเทียมในทุกประเทศ
รายงานข่าวระบุว่า อินเดียตรวจพบไวรัสโควิดกลายพันธุ์ 2 ตำแหน่ง (double mutant) และตรวจพบไวรัสโควิดกลายพันธุ์อื่น ๆ 771 ตัวอย่าง จากทั้งหมด 10,787 ตัวอย่าง ที่เก็บรวบรวมจาก 18 รัฐทั่วประเทศ
ในจำนวน 771 ตัวอย่าง เป็นไวรัสกลายพันธุ์จากอังกฤษ 736 ตัวอย่าง รองลงมาเป็นไวรัสกลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้ 34 ตัวอย่าง และเป็นไวรัสกลายพันธุ์จากบราซิล 1 ตัวอย่าง
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาก่อนหน้านี้แล้วว่า อินเดียอาจระงับการส่งออกวัคซีน เพราะนอกจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (SII) ก็เพิ่งชะลอการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแก่หลายประเทศ รวมถึง สหราชอาณาจักร และบราซิล ส่งผลให้การฉีดวัคซีนในอังกฤษมีแน่วโน้มชะลอตัวลง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- คืนค่าตั๋ว 6.6 แสนใบ! ญี่ปุ่นเคาะแล้วปิดประเทศ ไม่รับ ‘ต่างชาติ’ เข้าเชียร์โอลิมปิก
- ‘อิทธิพล’ ชี้คลัสเตอร์ใหม่ไม่น่ากังวล เชื่อไม่กระทบกิจกรรมสงกรานต์
- ‘โฆษกรัฐบาล’ เผยล่าสุดทั่วประเทศมีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 62,941 ราย