World News

‘สุริยุปราคาเต็มดวง’ บททดสอบสำคัญ ‘โครงข่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์’ สหรัฐ

สหรัฐ กำลังจะได้เจอกับปรากฎการณ์ “สุริยุปราคาเต็มดวง” ในวันนี้ (8 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยเงาดำที่เกิดขึ้นจากการที่ดวงอาทิตย์ถูกบดบังนั้น จะส่งผลกระทบต่อการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์เป็นวงกว้างทั่วประเทศ ไล่ตั้งแต่รัฐเท็กซัส ไปจนถึงรัฐเมน ซึ่งมีประชากรรวมแล้วมากกว่า 31 ล้านคน

ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกามีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มากกว่า 139 กิกะวัตต์ หรือมากกว่า2 เท่าครึ่ง ของการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งล่าสุดในปี 2560

สุริยุปราคาครั้งนี้ ยังจะทำให้มีพื้นที่ที่เกิดความมืดเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจากครั้งล่าสุด และแม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจะเห็นการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ลดลง แต่การลดลงขนาดใหญ่ที่สุดจะอยู่ตรงพื้นที่ที่ตกอยู่ใต้เงาของปรากฎการณ์นี้โดยตรง

สุริยุปราคาเต็มดวง

โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ดำเนินการโครงข่ายไฟฟ้า ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับไฟฟ้าดับ หรือปัญหาสำคัญๆ ในระหว่างการเกิดปรากฎการณ์นี้มากนัก แต่ถึงกระนั้น ก็ยังต้องเตรียมพร้อมด้านพลังงานอย่างรอบคอบ เพื่อเพิ่มการผลิตไฟฟ้าอย่างแม่นยำ จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพียงไม่กี่เครื่อง และส่งต่อผ่านสายส่งระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรไปยังลูกค้าหลายล้านราย

รัฐเท็กซัส มีกำลังผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ และรัฐเท็กซัสยังต่างจากรัฐอื่น ๆ คือ มีโครงข่ายไฟฟ้าไม่เชื่อมต่อกับรัฐอื่น ดังนั้นสภาความมั่นคงระบบไฟฟ้าเท็กซัส (ERCOT) จึงสร้างแบบจำลองว่า จะเกิดผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าอย่างไร ในเมื่อไม่สามารถซื้อ หรือขายไฟฟ้าข้ามรัฐได้

ห้องปฏิบัติการพลังงานทดแทนแห่งชาติสหรัฐ (NREL) คำนวณว่า กำลังผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์จะลดลง 60,000 เมกะวัตต์ ภายใน 15 วินาที เมื่อเ้กิดสุริยุปราคาเหนือรัฐเท็กซัส และจะกลับมาผลิตไฟฟ้าได้ปกติอีกครั้งภายใน 16 วินาที

เหนือขึ้นไปจากรัฐเท็กซัส ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าอิสระตอนกลางทวีป (MISO) ซึ่งดำเนินการส่งกระแสไฟฟ้าไปทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูมิภาคมิดเวสต์ สหรัฐ ได้เตรียมเสริมความมั่นคงในระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่จะลดลง และพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน อันส่งผลให้เกิดความแออัดในระบบส่งไฟฟ้า และจะมีพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้มากเกินกว่าที่จะส่งผ่านสายส่งไฟฟ้าได้

ผู้ผลิตไฟฟ้า ยังคาดการณ์ว่า อุณหภูมิจะลดลงบ้างในช่วงเกิดสุริยุปราคา ซึ่งอาจลดความต้องการในการทำความเย็น แต่จะมีความต้องการแสงสว่างเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการเตรียมพร้อมกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองพร้อมจ่ายไว้มากขึ้น และประสานการจัดส่งไฟฟ้ากับโครงข่ายใกล้เคียง

ทั้งนี้ กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองพร้อมจ่าย(spinning reserve) คือ ตัวช่วยรักษาความมั่นคงระบบไฟฟ้า ที่โรงไฟฟ้าต่าง ๆ เดินเครื่องขนานไฟฟ้า เข้ากับโครงข่ายไฟฟ้า โดยยังไม่จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบ แต่พร้อมจ่่ายไฟฟ้าได้ทันที เมื่อระบบไฟฟ้าต้องการ โดยการวางแผนล่วงหน้าของศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า 

ส่วนสาเหตุที่ทำให้การเปิดไฟ เมื่อเกิดความมืดในตอนกลางวันเป็นเรื่องยาก มาจากประเด็นหลักที่การผลิตไฟฟ้า ต้องสอดคล้องกับความต้องการอย่างมาก หากมีพลังงานน้อยเกินไป อาจส่งผลให้เกิดไฟดับได้ แต่หากมีไฟฟ้ามากจนใครๆ ก็สามารถใช้ได้ แสดงว่า สาธารณูปโภคกำลังสิ้นเปลืองเงิน ทั้งไฟฟ้าที่มากเกินไปอาจทำให้อุปกรณ์ขัดข้อง หรือทำให้เครือข่ายไม่เสถียร

สุริยุปราคาเต็มดวง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo