ทำความรู้จัก ‘ไล่ ชิงเต๋อ’ จากนายแพทย์ลูกคนงานเหมือง สู่ว่าที่ ‘ประธานาธิบดีไต้หวัน’

โดย The Bangkok Insight Editorial Team 14 มกราคม 2567

รองประธานาธิบดีไต้หวัน “ไล่ ชิงเต๋อ” เป็นผู้คว้าชัยชนะ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน ที่มีขึ้นเมื่อวานนี้ (13 ม.ค.) และมีกำหนดที่จะเข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูเส้นทางของเขา ที่กว่าจะขึ้นมาอยู่ตำแหน่งสูงสุดเช่นนี้ จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ไล่ ชิงเต๋อ นักการเมืองวัย 64 ปี สังกัดพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า(ดีพีพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของไต้หวัน ถือกำเนิดขึ้นในครอบครัวคนงานเหมือง เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2502 และต้องสูญเสียบิดาไปกับอุบัติเหตุที่เหมืองแร่ ในขณะที่เขามีอายุเพียงแค่ 2 ขวบ และมารดาของเขาต้องทำงานหลาย ๆ งาน เพื่อเลี้ยงเขา และพี่น้องอีก 5 คน

แม้จะเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจน แต่ไล่ ก็มีความฝันที่จะเป็นหมอมาตั้งแต่เด็ก โดยเขาเคยกล่าวในงานหนึ่งว่า การเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจน จะทำให้คนเราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีกำลังใจมากขึ้น และมีความกล้ามากขึ้นที่จะเอาชนะความยากลำบากต่าง ๆ

หลังจากที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ในสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน เขาได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงกง สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก่อนที่จะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สาขาสาธารณสุขศาสตร์ ทำให้เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่การแพทย์เพียงไม่กี่คนในไต้หวัน ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู การดูแลทางคลินิก และความเชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข

เขาประสบความสำเร็จในอาชีพแพทย์ได้ไม่กี่ปี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จากพรรคดีพีพี จะเข้ามาทาบทาม ขอให้นายแพทย์ชื่อดังคนนี้ ช่วยหาเสียงให้กับนักการเมืองของพรรคในการเลือกตั้งท้องถิ่น

ต่อมา ในช่วงเกิดวิกฤติช่องแคบไต้หวันปี 2539 เขาตัดสินใจทิ้งอาชีพแพทย์ ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน และได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนจากเมืองไถหนาน ก่อนที่จะเป็นนายกเทศมนตรีเมืองไถหนาน ระหว่างปี 2553-2560 เป็นนายกรัฐมนตรีไต้หวัน ระหว่างปี 2560-2563 และได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานาธิบดี เมื่อนางไช่ อิงเหวิน ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2

ชัยชนะจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้เขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกของไต้หวัน ที่กวาดคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งเกิน 5 ล้านเสียง ด้วยคะแนนโหวต 40.2% ขณะที่คู่แข่ง คือ โหว โหย่วอี๋ จากพรรคชาตินิยมไต้หวัน หรือ พรรคก๊กมินตั๋ง (เคเอ็มที) ที่มาเป็นอันดับ 2 ได้คะแนนโหวต 33.4% และเคอ เหวินเจ๋อ จากพรรคประชาชนไต้หวัน (ทีพีพี) ได้คะแนน 26.4%