ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (12 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 เดือน หลัง “โอเปค” คาดว่า ความต้องการในตลาดโลก จะยังแข็งแกร่งทั้งในปีนี้ และปีหน้า
ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 88.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ราคาเพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 92.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาทั้ง 2 ชนิด แตะระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) คาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันในตลาดโลก จะยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 และ 2567 เนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่ มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยประเมินว่า ความต้องการในตลาดโลกปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ที่สนับสนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับความต้องการน้ำมันตึงตัวในตลาดโลกนั้น รวมถึงการที่รัสเซีย และซาอุดีอาระเบียประกาศลดการจัดหาน้ำมันโดยสมัครใจจนถึงสิ้นปีนี้ และข่าวลิเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกโอเปค สั่งปิดท่าเรือส่งออกน้ำมัน 4 แห่ง เนื่องจากผลกระทบของพายุ และน้ำท่วม
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ ในวันนี้ (13 ก.ย.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลงราว 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ฟิทช์’ หั่นอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐ ชี้ ‘คลังถดถอย-หนี้จ่อพุ่ง’
- ‘ไออีเอ’ ชี้ ‘ตลาดน้ำมันโลก’ จ่อตึงตัว เหตุความต้องการจากจีน-โอเปคลดผลิต
- เริ่ม ก.ค. นี้! ‘ซาอุดีอาระเบีย’ ลดผลิตน้ำมันวันละ 1 ล้านบาร์เรล หวังพยุงราคา