World News

‘วิกฤติเมียนมา’ ยังปกคลุมเวที ‘ประชุมสุดยอดอาเซียน’

เวทีประชุมสุดยอดอาเซียน ซึ่งเป็นการหารือนัดสุดท้ายของกลุ่มในปีนี้ เปิดฉากขึ้นแล้ว ซึ่งมีวาระทั้งวิกฤติเมียนมา ประเด็นพิพาททะเลจีนใต้ และการขับเคี่ยวของสองมหาอำนาจอย่างจีน และสหรัฐ ที่ประเทศสมาชิกต่างมีความเห็นไม่ลงรอยกัน และยังไม่พบทางออกของปัญหาเหล่านี้

วีโอเอ รายงานว่า การประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เปิดฉากขึ้นในวันนี้ (5 ก.ย.) ที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างคุมเข้ม ไร้เงาประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ปกติแล้วจะเดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนด้วยตนเอง ยิ่งเพิ่มบรรยากาศความมืดมนของความเป็นเอกภาพและกลมเกลียวในกลุ่มอาเซียนมากขึ้นไปอีก

วิกฤติเมียนมา

ก่อนประชุมสุดยอดจะเริ่มขึ้น การประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศได้เดินหน้าไปแล้วเมื่อวานนี้ (4 ก.ย.) เพื่อสรุปวาระการหารือระดับผู้นำประเทศ และหลังการหารือในวันนี้ ผู้นำกลุ่มอาเซียนจะพบกับพันธมิตรเอเชีย และชาติตะวันตกต่อในเวทีนอกรอบวันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.) และวันพฤหัสบดี (7 ก.ย.) ครอบคลุมประเด็นการค้าเสรี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และประเด็นความมั่นคงของโลก ในฐานะที่อาเซียนเป็นสมรภูมิของการขับเคี่ยวของมหาอำนาจโลก

ที่น่าจับตาคือนายกรัฐมนตรีจีนหลี่ เฉียง จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก หรือ East Asia Summit ซึ่งมีชาติอาเซียน 10 ประเทศ ร่วมหารือกับผู้นำจากสหรัฐ จีน รัสเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์ รวมทั้งจะหารือกับรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ของสหรัฐ ที่ร่วมประชุมอาเซียนแทนประานาธิบดีไบเดน และรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ

ทางด้านประธานาธิบดีไบเดน ที่ข้ามการประชุมอาเซียนในสัปดาห์นี้ จะยังเดินทางไปอินเดีย เพื่อร่วมประชุมผู้นำกลุ่มเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ชาติ (จี20) และเดินทางต่อไปยังเวียดนาม เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับรัฐบาลฮานอย ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันย้ำว่าการข้ามเวทีอาเซียน ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณถึงการลดความสำคัญของอาเซียนแต่อย่างใด

วิกฤติเมียนมา

นายมาร์ตี นาทาเลกาวา อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า แม้การที่ผู้นำสหรัฐ จะไม่เข้าร่วมในการประชุมสุดยอดอาเซียน จะเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง และมีนัยสำคัญเชิงสัญลักษณ์ แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องกังวลน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับบทบาทของอาเซียนที่ลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ

เขาบอกด้วยว่า ความล้มเหลวในการควบคุมรัฐบาลทหารเมียนมา จากการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการปิดปากเงียบ เมื่อยามชายฝั่งจีนใช้น้ำแรงดันสูง เพื่อกีดกันเรือเสบียงฟิลิปปินส์ ในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ รวมถึงการที่ประเทศสมาชิกอาเซียน หันไปอิงฝั่งสหรัฐ หรือไม่ก็จีนในด้านความมั่นคง ได้ตอกย้ำว่ าทำไมความทะเยอทะยานในการเป็นศูนย์กลางด้านการทูตแห่งเอเชียของอาเซียนถึงถูกตั้งคำถาม

ระหว่างที่อินโดนีเซียพยายามจะเบี่ยงเบนความสนใจมาที่การกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนในธีมเวทีประชุมสุดยอดปีนี้ “ASEAN Matters: Epicentrum of Growth” แต่ประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์และด้านความมั่นคงยังคงเป็นคลื่นรบกวนและส่งผลกระทบด้านการทูตในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

วิกฤติเมียนมาได้สร้างความกังขาเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความเป็นเอกภาพของประชาคมอาเซียน และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอาเซียนได้พยายามส่งเสริม “การหารือเชิงสร้างสรรค์” กับกองทัพเมียนมา ที่เผชิญกับแรงกดดันจากชาติตะวันตก ที่พยายามโดดเดี่ยวรัฐบาลทหารเมียนมาด้วยมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจเพื่อหวังให้เกิดการปฏิรูปขึ้น

วิกฤติเมียนมา
ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด

นายเรตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียน กล่าวกับรัฐมนตรีต่างประเทศในกลุ่มอาเซียนว่า ประชาคมต่างรับรู้ถึง “สถานการณ์อันยากลำบากในภูมิภาค” ที่กลุ่มอาเซียนต้องเผชิญ และก้าวผ่านไป ซึ่งรวมถึงวิกฤติเมียนมา และจะมีการทบทวนฉันทามติ 5 ข้อที่ทำไว้กับเมียนมาเมื่อปี 2564 ในเวทีนี้ด้วย

ขณะที่ นายแซมบรี อับดุล คาดีร์ รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวหลังการหารือระดับรัฐมนตรีที่กรุงจาการ์ตาว่า มาเลเซียและประเทศสมาชิกอื่นเห็นว่า ไม่สามารถยอมให้สิ่งนี้ดำเนินต่อไปโดยปราศจากมาตรการที่เข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพกับรัฐบาลทหารเมียนมา แต่ไม่ได้ระบุว่าประเทศใดในกลุ่มอาเซียน ที่เห็นพ้องกับมาเลเซียในเรื่องนี้ และว่า อุปสรรคที่กองทัพเมียนมาได้สร้างไว้ได้ขัดขวางแผนการสันติภาพของเมียนมา

ขณะที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกัมพูชา นายฮุน มาเนต ที่เปิดตัวในการประชุมระหว่างประเทศครั้งแรกในฐานะผู้นำกัมพูชา เน้นย้ำถึงการหารืออย่างสร้างสรรค์ กับรัฐบาลทหารเมียนมา พร้อมทั้งกล่าวว่า อาเซียนต้องหลีกเลี่ยงการใช้กำลังต่อรัฐอธิปไตยในโลกที่มีความอันตรายเพิ่มขึ้น

วิกฤติเมียนมา

ที่ผ่านมา อาเซียนดำเนินตามหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของแต่ละประเทศและบรรลุข้อตกลงต่าง ๆ ผ่านฉันทามติ เช่นเดียวกับวิกฤติเมียนมาที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้

สหภาพยุโรปได้เตือนว่า ความสัมพันธ์ของอาเซียนจะได้รับผลกระทบหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเมียนมา ซึ่งหลังจากนั้นรัฐบาลทหารเมียนมา ได้ตอบโต้ด้วยการแจ้งต่ออาเซียนว่า เมียนมาอาจไม่สามารถเข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียน ซึ่งเป็นตำแหน่งหมุนเวียนในปี 2569 ได้ และบรรดาผู้นำอาเซียนจะตัดสินใจกันที่กรุงจาการ์ตาว่า จะขอให้ทางฟิลิปปินส์เข้ามารับหน้าที่แทนในช่วงเวลาดังกล่าวหรือไม่

นายดินนา พราปโต ราฮาร์จา นักวิเคราะห์ และอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวว่า ความน่าเชื่อถือของอาเซียน ตกอยู่ในอันตรายหากวิกฤตเมียนมายังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าอาเซียนไม่มีกลไกแก้ไขความขัดแย้งภายในประเทศ แต่ควรมีความยืดหยุ่นที่มากพอ ในการควบคุมอิทธิพล และมีความเชื่อมโยงภายในสมาชิกเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้

วิกฤติเมียนมา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo