World News

เปิดสารพัดข้อหา ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ โดนคดีเกี่ยวข้อง ‘เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ’ ปี 63

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามอ้างโดยปราศจากหลักฐานว่า เขาคือ ผู้ที่น่าจะชนะการเลือกตั้งปี 2563 แต่ล่าสุด อัยการสหรัฐเปิดข้อมูลคำฟ้อง ที่แสดงให้เห็นว่า อดีตผู้นำรายนี้เป็นผู้ที่พยายามปล้นผลการเลือกตั้งเสียเอง

เอกสารคำฟ้องของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ กล่าวหาทรัมป์ว่า ทำการสมคบคิดอย่างโจ่งแจ้งกับบรรดาพันธมิตรของเขา เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จต่าง ๆ และสร้างแผนขึ้นมาพลิกผลการเลือกตั้ง ที่เขาเป็นฝ่ายแพ้ให้กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังความพยายามสู้คดีในศาลล้มไม่เป็นท่า

โดนัลด์ ทรัมป์

วีโอเอ รายงานว่า ข้อหาอาญาต่าง ๆ ที่ แจ็ค สมิธ อัยการพิเศษของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ รวบรวมมาอ้างอิงจากคำพูดของทนายประจำทำเนียบขาว และบุคคลอื่น ๆ จากวงในของอดีตผู้นำสหรัฐ ที่บอกทรัมป์เสมอว่า ไม่ได้มีเหตุความผิดปกติในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเลย

การสั่งฟ้องทรัมป์ในคดีอาญาครั้งล่าสุดนี้เป็นครั้งที่ 3 ของปี แต่เป็นครั้งแรกที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามทำให้ตัวเต็งจากพรรครีพับลิกัน ที่จะลงสนามชิงชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า เป็นผู้รับผิดชอบต่อความพยายามต่าง ๆ ที่จะยึดเก้าอี้เอาไว้ นับตั้งแต่มีการประกาศผลการเลือกตั้งไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม 2564 ที่มีเหตุการณ์ก่อจลาจลบุกอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน

อย่างไรก็ดี ทรัมป์ยืนยันว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด และกล่าวหาอัยการสมิธ และกระทรวงยุติธรรมว่า พยายามทำร้ายแผนการหาเสียงเลือกตั้งปี 2567 ของเขา

ทรัมป์เผชิญข้อหาอะไรบ้าง

มีการยื่นฟ้องทรัมป์ถึง 4 ข้อหา ได้แก่ การขัดขวางกระบวนการทางการ การสมคบคิดเพื่อขัดขวางกระบวนการทางการ การสมคบคิดเพื่อหลอกหลวงประเทศ และการสมคบคิดเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นดำเนินการตามสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ

ในกรณีของข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางต่าง ๆ ซึ่งมีบทลงโทษสูงสุดด้วยการจำคุกถึง 20 ปีนั้น เป็นการอ้างอิงถึงการประชุมร่วมสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564  เพื่อรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่มี โจ ไบเดน เป็นผู้ชนะอย่างเป็นทางการ

ขณะที่ ข้อหาว่าด้วยการสมคบคิดเพื่อขัดขวางกระบวนการทางการนั้นก็มีโทษสูงสุดเป็นการจำคุก 20 ปีเช่นกัน

โดนัลด์ ทรัมป์

อัยการสหรัฐ ยังสั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหากว่า 1,000 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภา ซึ่งรวมถึงสมาชิกกลุ่มขวาจัด Oath Keepers และ Proud Boys ในข้อหาว่าด้วยการขัดขวางเช่นกัน โดยมีจำเลยไม่น้อยกว่า 100 คนที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด หรือไม่ก็ยอมรับผิดต่อข้อกล่าวหาทั้งหมดไปแล้ว

สำหรับข้อหาว่าด้วยการสมคบคิดเพื่อหลอกหลวงสหรัฐ ที่มีบทลงโทษสูงสุดคือ การจำคุก 5 ปี ศาลสูงสหรัฐให้รายละเอียดว่า เป็นข้อหาที่ห้ามไม่ให้มีความพยายามขัดขวาง หรือแทรกแซงการทำงานของรัฐบาล “ด้วยการใช้กลฉ้อฉล เล่ห์กระเท่ห์ หรือกลอุบายต่าง ๆ หรืออย่างน้อย ด้วยวิธีการที่ไม่สุจริต”

คำฟ้องที่อัยการพิเศษเปิดเผยออกมานั้นอ้างว่า ทรัมป์ใช้ “ความไม่สุจริต การหลอกลวง และกลฉ้อฉล” เพื่อขัดขวางการนับคะแนนและการรับรองผลการเลือกตั้ง

เอกสารคำฟ้องนี้ระบุด้วยว่า อดีตผู้นำสหรัฐมีสิทธิ์ที่จะโต้แย้งผลการเลือกตั้ง และยังกล่าวอ้างความเท็จว่า ตัวเองเป็นผู้ชนะ โดยในข้อหาที่มีการยื่นฟ้องนี้ มีที่มาจากสิ่งที่ทีมอัยการระบุว่า เป็นความพยายามอันผิดกฎหมาย ที่จะล้มล้างผลการเลือกตั้ง และปิดกั้นการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติด้วย

นอกจากนั้น คำฟ้องยังกล่าวอ้างว่า มีการวางแผนนานนับสัปดาห์เพื่อดำเนินการที่ว่า ซึ่งเริ่มต้นด้วยการใช้แรงกดดันบรรดาสมาชิกสภารัฐ และเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งของรัฐให้เปลี่ยนผลการเลือกตั้งจากไบเดนเป็นทรัมป์ ก่อนที่จะยกระดับเป็นการจัดทีมผู้แทนเลือกตั้งประธานาธิบดีปลอม ๆ ที่อ้างว่าสนับสนุนทรัมป์มายังสภาคองเกรสด้วย

โดนัลด์ ทรัมป์

ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์และเหล่าพันธมิตรยังพยายามใช้กระทรวงยุติธรรมเพื่อจัดการสอบสวนกรณีการทุจริตการเลือกตั้งปลอม ๆ เพื่อผลักดันแผนการนำเสนอผู้แทนเลือกตั้งปลอมของตน ตามข้อมูลจากเอกสารคำฟ้อง

คำฟ้องนี้ยังกล่าวอ้างด้วยว่า ก่อนจัดการประชุมร่วมสภาคองเกรสวันที่ 6 มกราคม ทรัมป์และเหล่าพันธมิตรกดดันรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ให้ปฏิเสธผลการเลือกตั้งในบางจุด แต่เมื่อความพยายามดังกล่าวล้มเหลว อดีตประธานาธิบดีสั่งการให้กลุ่มผู้สนับสนุนเดินทางไปยังอาคารรัฐสภาเพื่อขัดขวางกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งของสมาชิกสภาคองเกรส

ท้ายสุด เอกสารคำฟ้องชี้ว่า ทรัมป์ และพวกพยายามใช้ประเด็นการบุกรัฐสภาของกลุ่มผู้สนับสนุนให้เป็นประโยชน์ต่อตน ด้วยการยกระดับความพยายามเผยแพร่คำโกหกเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพูดให้สมาชิกสภาคองเกรสยอมเลื่อนกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งให้ไบเดนเป็นผู้ชนะอย่างเป็นทางการ

ข้อมูลในเอกสารคำฟ้องของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ กล่าวว่า ทฤษฎีสมคมคิดแต่ละทฤษฎีนั้น ซึ่งปั้นแต่งมาจากความคลางแคลงใจ ที่แพร่หลายอยู่ทุกหนแห่ง ซึ่งจำเลยสร้างขึ้นจากคำโกหกที่สั่นคลอนเสถียรภาพ และกระจายไปทั่ว โดยพุ่งเป้าไปยังหน้าที่พื้นฐานหลักของรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งก็คือ กระบวนการรวบรวม นับ และรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศ

โดนัลด์ ทรัมป์

ข้อหา ทฤษฎีสมคบคิดล้มล้างต้านสิทธิ์ คืออะไร

ทรัมป์ ถูกกล่าวหาว่า ทำผิดตัวบทกฎหมายว่าด้วยสิทธิพลเมือง ที่ประกาศใช้ตั้งแต่สมัยหลังสิ้นสุดสงครามกลางเมืองสหรัฐ ซึ่งชี้ว่า การสมคบคิดเพื่อแทรกแซงสิทธิ์ที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญนั้นถือเป็นอาชญากรรม

ในกรณีของทรัมป์ หมายถึง สิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงและการที่คะแนนเสียงของคนทุกคนต้องถูกนับ โดยบทลงโทษสำหรับผู้ที่ถูกตัดสินว่า ทำความผิดต่อกฎหมายนี้คือ การจำคุกสูงสุดเป็นเวลา 10 ปี

บทบัญญัตินี้เดิมทีเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายชุดหนึ่งที่ผ่านออกมาใช้งานตั้งแต่ปี 2413 เพื่อรับมือกับเหตุความรุนแรงและการที่สมาชิกกลุ่ม “คู คลักซ์ แคลน” ที่ออกอาละวาดข่มขู่ผู้คน โดยเฉพาะกลุ่มคนผิวสี ไม่ให้ไปใช้สิทธิ์ที่คูหาเลือกตั้ง

แต่กฎหมายนี้ถูกนำมาใช้อ้างอิงในคดีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเลือกตั้งมาโดยตลอด ซึ่งรวมถึง การดำเนินคดีเกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิดเพื่อไม่ให้มีการนับคะแนนบัตรเลือกตั้ง แม้การดำเนินการตามทฤษฎีสมคบคิดนั้นจะไม่ประสบผลสำเร็จก็ตาม

โดนัลด์ ทรัมป์

ใครถูกฟ้องบ้าง

ทรัมป์ คือ จำเลยคนเดียวในการสั่งฟ้อง แม้จะมีการพูดถึงผู้สมรู้ร่วมคิดอื่น ๆ อีก 6 คน ที่ไม่มีการเอ่ยชื่อในเอกสารคำฟ้องก็ตาม แต่รายละเอียดในเอกสารดังกล่าวก็มีข้อมูลมากพอที่จะทำให้มีการระบุตัวตนบุคคลเหล่านั้นได้

ณ เวลานั้น ยังไม่มีความชัดเจนว่า ทำไมบุคคลเหล่านั้นถึงไม่ถูกฟ้อง หรือว่า อัยการอาจจะเพิ่มชื่อบุคคลเหล่านั้นในเอกสารคำฟ้องภายหลังหรือไม่ โดยผู้สมคบคิดที่ว่า มีทั้งทนายความรายหนึ่งที่ยินดีที่จะเผยแพร่คำกล่าวอ้างปลอม ๆ และดำเนินการตามกลยุทธ์ทั้งหลาย โดยรู้อยู่แก่ใจ

กลยุทธ์เหล่านั้นเป็นสิ่งที่ทนายความทีมงานเลือกตั้งปี 2020 ของทรัมป์จะไม่ยอมทำตาม รวมทั้ง ทนายความอีกคนที่กล่าวอ้างโดยไม่มีมูลว่า เกิดเหตุทุจริตการเลือกตั้ง ในแบบที่แม้แต่ทรัมป์ยังยอมรับกับคนอื่นว่า ฟังดูแล้ว เป็นเรื่อง “บ้าบอ” ขณะที่ ผู้สมคบคิดอีกรายเป็น ที่ปรึกษาด้านการเมืองที่ช่วยจัดชื่อคณะผู้แทนเลือกตั้งปลอม ๆ ให้ทรัมป์

โดนัลด์ ทรัมป์

จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้

มีการการยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตันแล้ว โดยมีการคาดกันว่า ทรัมป์จะปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในศาลในวันนี้ (3 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น

ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ผู้พิพากษาศาลกรุงวอชิงตันได้ทำการไต่สวนคดีหลายร้อยคดี เกี่ยวกับผู้สนับสนุนทรัมป์ที่ถูกกล่าวหาว่า เข้าร่วมการก่อจลาจลเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 และหลายคนก็กล่าวว่า พวกเขาถูกหลอกโดยคำลวงเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้งหลายที่มาจากปากของทรัมป์และพวกพ้อง

อดีตผู้นำสหรัฐ ส่งสัญญาณออกมาว่า อย่างน้อย ทนายของตนจะเดินหน้ายึดแนวทางการสู้คดีว่า ตนนั้นเชื่ออย่างมากว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2020 ของตนถูกปล้นไป หลังเพิ่งโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อไม่นานมานี้ว่า “ผมมีสิทธิ์ที่จะคัดค้านการเลือกตั้งที่ผมมั่นใจอย่างเต็มที่ว่า มีการโกงและถูกปล้นไป เหมือนกับที่พวกพรรคเดโมแครตที่ทำกับผมในปี 2016 และหลายคนที่เคยทำกันมาหลายชั่วอายุคน”

อย่างไรก็ดี ทีมอัยการได้รวบรวมหลักฐานมากมายที่แสดงให้เห็นว่า มีผู้แจ้งต่อทรัมป์หลายต่อหลายครั้งแล้วว่า ตัวเขาคือ ผู้พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด

นอกจากคดีล่าสุดนี้แล้ว ทรัมป์มีกำหนดต้องขึ้นศาลในรัฐนิวยอร์กในเดือนมีนาคมปีหน้า เพื่อต่อสู้คดีว่าด้วยการใช้เงินปิดปาก ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2559 และขึ้นศาลรัฐฟลอริดาในเดือนพฤษภาคมของปีนี้ เพื่อสู้คดีเกี่ยวกับกรณีการค้นพบเอกสารชั้นความลับที่บ้านพัก มาร์ อาลาโก ของเขา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo