World News

‘ราคาน้ำมัน WTI’ ร่วงเล็กน้อย ไม่ถึง 1 ดอลล์ ยังกังวล ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ยฉุดดีมานด์

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) ปิดซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ วานนี้ (22 ธ.ค.) ลดลงเล็กน้อน จากความกังวลว่า การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในจีน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบ WTI กำหนดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 80 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 77.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) กำหนดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ราคาลดลง 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 80.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมัน

ในช่วงแรกนั้น ราคาพุ่งขึ้นขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล ก่อนที่ราคาจะอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก ซึ่งจะฉุดเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย และส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.2% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.6% และ 2.9% ตามลำดับ แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการลดลงของตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐ

ขณะที่ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย มาอยู่ที่ 216,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 6,000 ราย มาอยู่ที่ 1.672 ล้านราย

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลที่ระบุว่า สายการบินในสหรัฐยกเลิกเที่ยวบินเกือบ 2,000 เที่ยว ที่มีกำหนดบินในวันพฤหัสบดี และวันศุกร์เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายในฤดูหนาว ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งสัญญาณถึงความอ่อนแอของความต้องการเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมการเดินทางท่องเที่ยว

ตลาดน้ำมัน ยังเจอแรงกดดันจากแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งการร่วงลงของตลาดหุ้น และความกังวลว่าสถานการณ์โควิด-19 ที่ย่ำแย่ลงในจีนจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo