World News

อุตฯ ค้าปลีก หันพึ่งพา ‘หุ่นยนต์’ แก้ปัญหา ‘เงินเฟ้อ-ค่าแรงพุ่ง’

ปัญหาตลาดแรงงานที่ตึงตัวในปัจจุบัน บวกกับค่าแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนแรงกดดันด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภค กำลังบีบอุตสาหกรรมค้าปลีก หาทางรับมือกับปัญหานี้ และการพึ่งพาหุ่นยนต์-เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น

วีโอเอ รายงานว่า คลังสินค้าขนาดใหญ่ในเมืองรูสเซนดาล ทางตอนใต้ของเนเธอร์แลนด์ นำเครนอัตโนมัติ และยานพาหนะไร้คนขับมาใช้ เพื่อจัดกองเสื้อผ้าให้กับร้านค้าปลีก “ไพร์มาร์ค”  ของฝรั่งเศส และอิตาลี เพื่อช่วยลดปัญหาการขาดแคลนคนงาน อีกทั้งยังลดต้นทุนในการจัดหาคลังสินค้าเพิ่มเติมได้อีกทางหนึ่งด้วย

shutterstock 2082485278

แม้ว่าธุรกิจการค้าปลีกจะนำระบบอัตโนมัติมาใช้ช้ากว่าภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น ยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ แต่ถือว่าอัตราการพึ่งพาระบบนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การนำระบบชำระเงินด้วยตนเองแบบง่าย ๆ มาใช้ในร้านค้า ไปจนถึงการใช้หุ่นยนต์ และระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาใช้ในสายการผลิตและภาคบริการ

ข้อมูลจาก สหพันธ์หุ่นยนต์ระหว่างประเทศ แสดงให้เห็นว่า การติดตั้งหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทั่วโลกเพิ่มขึ้น 31% ในปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายหุ่นยนต์บริการเพิ่มขึ้น 37% โดยมีภาคค้าปลีกเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ

มาร์ค เชอร์ลีย์ หัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์ไพร์มาร์ค กล่าวว่า การลงทุน 25 ล้านยูโร หรือราว 900 ล้านบาท ในระบบอัตโนมัติของคลังสินค้าที่เมืองรูสเซนดาล จะเริ่มคืนทุนให้ปีละ 8 ล้านยูโร ในอีก 4 ปีข้างหน้า นอกเหนือไปจากการประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องเช่าคลังสินค้าเพิ่มอีก

เขาประเมินว่าการใช้เครนอัตโนมัติ แทนการใช้รถยกที่ต้องมีคนควบคุม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานในคลังสินค้าได้ถึง 80% เลยทีเดียว ที่สำคัญคือ การใช้ยานยนต์ไร้คนขับ หมายความว่า บริษัทไม่ต้องแข่งขันในตลาดแรงงานท้องถิ่น ที่กำลังตึงตัวอย่างมากอีกต่อไป

เชอร์ลีย์ บอกว่า เมื่อมองภาพรวมของอุตสาหกรรม ผู้คนหันมาใช้วิธีนี้ เพื่อลดความเสี่ยงในด้านแรงงาน และประเมินว่า ราว 40% ของธุรกิจในอุตสาหกรรมค้าปลีก หันมาใช้ระบบอัตโนมัติกันแล้ว และจะเพิ่มขึ้นเป็น 60-65% ในช่วง 3-4 ปีข้างหน้านี้

shutterstock 1995246083

กองทัพหุ่นยนต์ที่เดินสวนสนามกันไปมาในนั้น เริ่มเห็นได้ตามร้านค้าแฟชั่น และร้านขายอาหารทั่วโลก ซึ่งปกติต้องพึ่งพาคนงานนับล้าน แต่ธุรกิจเหล่านี้กำลังเผชิญกับต้นทุนค่าจ้าง ค่าพลังงาน และค่าวัตถุดิบที่สูงขึ้น ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มตึงตัว จากที่ผู้ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของโลก อย่าง อเมซอนดอทคอม เตือนว่างบประมาณในการจับจ่ายใช้สอยนั้นตึงตัว โดยเฉพาะในยุโรป

อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้ค้าปลีกทั่วยุโรปต่างใช้แนวทางที่แตกต่างกัน อย่างเช่น คาร์ฟูร์ ผู้ค้าปลีกอาหารรายใหญ่ที่สุดในยุโรป ได้ตั้งเป้าว่าจะลดต้นทุน และลดความซับซ้อนของประเภทสินค้าที่จำหน่าย ในขณะที่ เทสโก้ ซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ กลับยอมรับในผลกำไรที่ลดลง

ทางด้าน “อินดิเท็กซ์” เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น “ซารา” (Zara) เลือกวิธีขึ้นราคาสินค้า เพื่อให้สอดรับกับต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น ส่วน เอบี ฟู้ดส์ (AB Foods) เจ้าของไพร์มาร์ค กล่าวว่าผู้ค้าปลีกแฟชั่นที่มีราคาต้นทุนต่ำ จะจำกัดการขึ้นราคา แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะแตะเลขสองหลักในตลาดหลายแห่ง เนื่องจากลูกค้าไม่สามารถจ่ายได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ดี แมคคินซีย์ บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ ชี้ว่า แม้กระบวนการต่าง ๆ ของระบบค้าปลีก จะหันมาใช้ระบบอัตโนมัติกันมากขึ้น แต่โดยภาพรวมแล้ว การดำเนินธุรกิจของผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่ ยังใช้แรงงานมนุษย์เป็นหลัก

shutterstock 2069090786

แมคคินซีย์ คาดการณ์ว่า บริษัทแฟชั่นจะลงทุนด้านเทคโนโลยี เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากสัดส่วน 1.6% เป็น 1.8% ของรายรับในปี 2564 เป็น 3.0% และ 3.5% ภายในปี 2573 โดยแบรนด์แฟชั่นจะรวมกระบวนการดิจิทัลเข้าด้วยกันอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยลดเวลาที่ใช้ในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้ถึงครึ่งหนึ่ง และอาจทำให้ยอดขายสินค้าในราคาเต็มเพิ่มขึ้น 8% และต้นทุนการผลิตลดลงได้ 20%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo