Stock

กางแผน BANPU ปลดล็อกมูลค่าธุรกิจก๊าซฯ เข้าตลาดหุ้นสหรัฐ 

เป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ด้วยการประกาศข่าวใหญ่ว่า BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BANPU ถือหุ้น 96.3% ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Public Flling) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อ U.S. Securities and Exchange Commission เพื่อเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น New York Stock Exchange ประเทศสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ของ BKV ได้มีผลบังคับใช้แล้ว จึงคาดว่าการเสนอขายหุ้น IPO จะเกิดขึ้นภายในปี 2566 ส่วนราคาเสนอขายหุ้น IPO จะมาจากการสำรวจความต้องการซื้อหุ้นในของผู้ลงทุนสถาบัน (Book Building) และต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการย่อยของ BKV ซึ่งทำหน้าที่กำหนดราคาเสนอขาย (Pricing Committee)

shutterstock 2190460095

BKV ทำธุรกิจอะไร?

BKV Corporation เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตก๊าซธรรมชาติ Shale gas ในสหรัฐ ปัจจุบันมีกำลังผลิต 900 ล้านมาตรฐานลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (mmcfed) ถือเป็นผู้ผลิต Shale gas อันดับต้นๆ ของสหรัฐ  โดยมีแหล่งปิโตรเลียมสำคัญ คือ Marcellus และ Barnett นอกจากนี้ ยังมีการต่อยอดการลงทุนในธุรกิจขั้นกลาง และขั้นปลาย เช่น ท่อก๊าซและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ

โดยเป็นบริษัทพลังงานที่มุ่งเน้นการผลิตก๊าซธรรมชาติจากธุรกิจต้นน้ำ พร้อมทั้งมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจแบบครบวงจรไปสู่กลางน้ำและปลายน้ำตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต อีกทั้ง BKV ตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2568

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของ BKV ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้อยู่ที่ 519.4 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.24 ดอลลาร์ต่อหุ้น ถือว่าเป็นการพลิกสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 3.21 ดอลลาร์ต่อหุ้น

shutterstock 2139280279

BKV เข้าตลาดหุ้น หนุนมูลค่า BANPU

แผนการระดมทุนและเสนอขาย IPO คร้ังนี้ของ BKV นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า จะเป็นผลดีต่อบริษัทแม่อย่าง BANPU เพราะ BKV จะสามารถจัดหาแหล่งเงินทุนด้วยตัวเอง รองรับการเติบโตในอนาคต และสะท้อนมูลค่าธุรกิจ (Valuation) ได้ชัดเจนมากขึ้น

ในเบื้องต้น BKV มีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน นำไปใช้เพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืม รองรับการชำระ Contingent Payment ตามเงื่อนไขการเข้าลงทุนแหล่งก๊าซธรรมชาติจาก Devon และ Exxon รวมทั้งจะใช้ลงทุนในเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน

หากอ้างอิงสมมติฐานราคาก๊าซธรรมชาติที่ 4.5-5.0 ดอลลาร์/MMBtu ในปี 2566 – 2567 เพราะฉะนั้น คาดว่าธุรกิจก๊าซธรรมชาติจะมี EBITDA อยู่ที่ประมาณ 700 – 850 ล้านดอลลาร์ต่อปี และมองว่า BKV จะมีมูลค่ากิจการ (Enterprise value) ราว 2.8- 3.4 พันล้านดอลลาร์  จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BANPU ราคาเป้าหมายที่ 17 บาท โดยเชื่อว่าการ IPO ของ BKV จะทำให้ราคาหุ้น BANPU สะท้อนมูลค่าธุรกิจได้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน

สุดท้ายนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นการปลดล๊อกมูลค่าธุรกิจครั้งใหม่และครั้งใหญ่ที่เดียวสำหรับ BANPU หลังก่อนหน้าได้ส่งธุรกิจโรงไฟฟ้า BPP เข้าตลาดหุ้นไทยมาแล้ว นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนนำ BANPU Next ประกอบธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีจัดเก็บพลังงาน เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นเป็นลำดับถัดไปอีกด้วย

บ้านปู เน็กซ์

ทำให้กระแสเงินสดของทั้งกลุ่มบริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก ปัจจุบัน BANPU มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงมาอยู่ที่ 0.9 เท่า ตลอดจนมีความพร้อมรองรับโอกาสสร้างการเติบโต โดยเฉพาะธุรกิจเป้าหมายอย่างเช่น shale gas และ green energy

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน