Stock

‘ดาวโจนส์’ ร่วงกว่า 200 จุด ‘แนสแด็ก’ ดิ่งเกิน 1% กังวลเศรษฐกิจถดถอย หลัง ‘เฟด’ ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (17 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงลงกว่า 200 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 33,308.65 จุด ร่วงลง 245.18 จุด หรือ 0.73% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,914.47 จุด ลดลง 44.32 จุด หรือ 1.12% และดัชนีแนสแด็ก ที่ 11,064.99 จุด ดิ่งลง 118.67 จุด หรือ 1.06%

ดาวโจนส์

นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ ยังไม่ได้อยู่ในช่วงที่มีความเข้มงวดเพียงพอ ส่วนนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ กล่าวว่า เฟดอาจจะต้องทำให้เศรษฐกิจหดตัวลง เพื่อให้เงินเฟ้อชะลอตัว ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงมีความตึงตัว

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด ดีดตัวเหนือระดับ 4.4% และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรเกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย

ขณะเดียวกัน นักลงทุนวิตกว่า ยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง จะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนตุลาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.0% หลังจากทรงตัวในเดือนกันยายน แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ส่วนการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินช่วยเพิ่มยอดขายของสถานีบริการน้ำมัน

ตลาดยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์  ที่ทำให้นักลงทุนวิตกว่า จะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ

ส่วนการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง และบริษัทต่าง ๆ จะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo