ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (11 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ขยับขึ้นเล็กน้อย จากการที่ตลาดยังเกาะติดความหวังว่า “เฟด” จะชะลอขึ้นดอกเบี้ย หลัง “เงินเฟ้อ” เดือนตุลาคม ต่ำกว่าที่คาดการณ์กันไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 33,747.86 จุด เพิ่มขึ้น 32.49 จุด หรือ +0.10% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,992.93 จุด เพิ่มขึ้น 36.56 จุด หรือ +0.92% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 11,323.33 จุด เพิ่มขึ้น 209.18 จุด หรือ +1.88%
ตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผย “ดัชนีราคาผู้บริโภค” (ซีพีไอ) เดือนตุลาคม ที่ต่ำกว่าคาด สะท้อนว่า “เงินเฟ้อ” สหรัฐ ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย
บรรดานักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินเดือนธันวาคม โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักสูงถึง 81% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคม และให้น้ำหนัก 19% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75%
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มของดัชนีเอสแอนด์พี ปิดบวก นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 3.07% และหุ้นบริการด้านการสื่อสารเพิ่มขึ้น 2.48% แต่การลดลงของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ได้สกัดการทะยานขึ้นของดาวโจนส์
นอกจากนี้ ปัจจัยที่มีส่วนกดดันตลาดได้แก่การที่ บริษัทเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี เปิดเผยว่า บริษัทจะเริ่มกระบวนการล้มละลายในสหรัฐ และนายแซม แบงก์แมน-ฟรายด์ ซีอีโอได้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากวิกฤติสภาพคล่อง ซึ่งทำให้หน่วยงานด้านกฎระเบียบทั่วโลกต้องเข้าแทรกแซง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไอเอ็มเอฟ’ หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ปี 66 โตเพียง 2.7% ‘อาเซียน 5’ ขยายตัว 4.9% เตือนเศรษฐกิจถดถอย
- ‘ยูเอ็นดีพี’ เตือน ‘ประเทศกำลังพัฒนา’ กำลังเจอวิกฤติหนี้ ชี้ต้องเร่งหามาตรการช่วยเหลือทันที
- ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘ค่าเงินเอเชีย’ อ่อนค่าลงอีก หลัง ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง