ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (11 ต.ค.) โดยที่ “ดาวโจนส์” ทะยานขึ้นมาเกือบ 300 จุด หลังนักลงทุน เข้าซื้อเก็งกำไร โดยช้อนซื้อหุ้นที่ปรับตัวลงในช่วง 4 วันทำการที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 29,501.50 จุด พุ่งขึ้น 298.62 จุด หรือ1.02% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,622.90 จุด ขยับขึ้น 10.51 จุด หรือ 0.29% และดัชนีแนสแด็ก ที่ 10,547.78 จุด บวก 5.68 จุด หรือ 0.05%
ตลาดร่วงลงในช่วงแรก ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
นอกจากนี้ ตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด ดีดตัวเหนือระดับ 4.3% ในวันนี้ และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี
การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวสูงกว่าระยะยาว ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย
นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐ และเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในกลางปีหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ การดีดตัวของอัตราดอกเบี้ย และการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ในวันนี้ โดยได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 สู่ระดับ 2.7% จากเดิมที่ระดับ 2.9%
“ภาวะเลวร้ายที่สุดกำลังรออยู่ข้างหน้า และประชาชนจำนวนมากจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า” รายงานระบุ สะท้อนถึงการขยายตัวที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 นอกเหนือจากช่วงที่เกิดวิกฤติการเงิน และการแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19
นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าผลประกอบการจะชะลอตัวในไตรมาส 3 โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ การพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์
ข้อมูลจาก Refinitiv data ระบุว่า บริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นเพียง 4.1% ในไตรมาส 3 โดยลดลงจากระดับ 11.1% ที่มีการคาดการณ์ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม
นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนกันยายนของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ (13 ต.ค.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะปรับตัวขึ้น 8.1% ในเดือนที่แล้ว จากระดับ 8.3% ในเดือนสิงหาคม
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนีซีพีไอพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 6.5% โดยสูงกว่าระดับ 6.3% ในเดือนก่อนหน้านั้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ยูเอ็นดีพี’ เตือน ‘ประเทศกำลังพัฒนา’ กำลังเจอวิกฤติหนี้ ชี้ต้องเร่งหามาตรการช่วยเหลือทันที
- ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘ค่าเงินเอเชีย’ อ่อนค่าลงอีก หลัง ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
- เงินเฟ้อ ก.ย. 65 เพิ่มขึ้น 6.41% จับตาค่าเงินบาท กระทบต้นทุนสินค้าปลายปี