ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (3 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ฟื้นตัวแรง พุ่งเกือบ 600 จุด ในการซื้อขายวันแรกของเดือนตุลาคม และเป็นวันแรกของไตรมาส 4
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 29,316.29 จุด พุ่งขึ้น 590.78 จุด หรือ 2.06% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,649.04 จุด ทะยานขึ้น 63.42 จุด หรือ 1.77% และดัชนีแนสแด็กที่ 10,711.43 จุด พุ่งขึ้น 135.81 จุด หรือ 1.28%
นักลงทุนคลายความกังวล เกี่ยวกับการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังดัชนีภาคการผลิตต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ไอเอสเอ็ม) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 50.9 ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 52.3 จากระดับ 52.8 ในเดือนสิงหาคม
ดัชนีภาคการผลิตได้รับผลกระทบจากการหดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ ซึ่งเป็นการหดตัวลงเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ ขณะที่การจ้างงานหดตัวเป็นครั้งที่ 4
วันนี้ นักลงทุนยังส่งแรงซื้อเก็งกำไรเข้าตลาด หลังดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 500 จุด เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (30 ก.ย.) โดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาด สอดคล้องกับการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันในตลาด ขานรับคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติพันธมิตร หรือ โอเปคพลัส จะปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในการประชุมวันพุธนี้ (5 ต.ค.)
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ ร่วงลงมากถึง 7% หลังบริษัทเผยยอดขาย ในช่วงไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่คาดการณ์กันไว้ เพราะการส่งมอบล่าช้ากว่าการผลิต เนื่องจากอุปสรรคด้านลอจิสติกส์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘แบงก์ชาติญี่ปุ่น’ ไม่ขึ้นดอกเบี้ย ชี้ เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัว เมิน ‘เงินเฟ้อ’ พุ่งสูง
- ‘พาวเวล’ ลั่นไม่ลดดอกเบี้ย จนกว่าคุมเงินเฟ้อได้ 2% หลัง ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด
- ‘ฟิลิปปินส์’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% รับมือ ‘เงินเฟ้อ’ พุ่ง คุกคามเศรษฐกิจโต
