ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (19 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” พุ่งแรงกว่า 700 จุด หลังบริษัทจดทะเบียน พากันรายงานผลประกอบการสูงเกินคาด ช่วยบรรเทาความวิตกของนักลงทุน ในเรื่องที่ว่า เงินเฟ้อพุ่งสูง และเฟดเพิ่มความเข้มงวดในนโยบาย จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของภาคธุรกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 31,827.05 จุด พุ่งขึ้น 754.44 จุด หรือ 2.43% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,936.69 จุด เพิ่มขึ้น 105.84 จุด หรือ 2.76% และดัชนี แนสแด็ก ปิดที่ 11,713.15 จุด เพิ่มขึ้น 353.10 จุด หรือ 3.11%
บรรยาศการซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคัก จากการที่นักลงทุนขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดย “ฮัลลิเบอร์ตัน” เปิดเผยกำไรไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 41% และคาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทจะขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นอีก เนื่องจากความต้องการการขุดเจาะน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นบริษัท พุ่งขึ้น 2.11%
ขณะนี้บริษัทราว 9% ในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่งราว 66% ในจำนวนดังกล่าว รายงานกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า บริษัทในดัชนีนี้ จะมีกำไรเพิ่มขึ้น 4.2% ในไตรมาส 2 ขณะที่รายได้พุ่งขึ้น 10.2% รวมทั้งมีกำไรเพิ่มขึ้น 9.9% ในปีนี้
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ดีกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ทำให้มองเห็นได้ว่า นโยบายการเงินที่แข้มงวดขึ้น และภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจ มากเท่าที่กังวลกันไว้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 2% ในเดือนมิถุนายน มาอยู่ที่ 1.559 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.580 ล้านยูนิต จากระดับ 1.591 ล้านยูนิตในเดือนพฤษภาคม ผลจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และราคาวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งการขาดแคลนแรงงาน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กังวลหนัก! เศรษฐกิจสหรัฐ ไตรมาส 1 หดตัว 1.4% หวั่นมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย
- ‘มอร์แกน สแตนลีย์’ ชี้ ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ เสี่ยงถดถอย 50% แต่มั่นใจ ‘เฟด’ คุมเงินเฟ้อได้
- ยังไม่จบ! ‘เฟด’ ส่งสัญญาณ ‘ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง’ หลังปรับ 0.75% ครั้งใหญ่สุดรอบ 28 ปี