ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (7 เม.ย.) โดยที่ “ดาวโจนส์” ดิ่งลงมาแล้วกว่า 200 จุด ท่ามกลางแรงกดดัน จากความกังวลในเรื่องที่ “เฟด” จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย และการก้าวถอยหลังของการเจรจาสันติภาพในยูเครน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 34,272.21 จุด ร่วงลง 224.30 จุด หรือ 0.65% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,469.47 จุด ลดลง 11.68 จุด หรือ 0.26% และดัชนีแนสแด็กที่ 13,849.23 จุด ขยับลงมา 39.59 จุด หรือ 0.29%
ดาวโจนส์ เคลื่อนไหวในแดนลบเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน หลังรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อเดือนมีนาคมระบุว่า กรรมการเฟดสนับสนุนการปรับลดขนาดงบดุล และเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
กรรมการเฟดเห็นพ้องที่จะปรับลดขนาดงบดุลลงเดือนละ 95,000 ล้านดอลลาร์อย่างเร็วที่สุดในเดือนพฤษภาคมนี้ ทั้งยังสนับสนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 1-2 ครั้ง หากยังคงเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อ
ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน โดยที่อัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 2.50-2.75% ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งจะสูงกว่า 2.4% ซึ่งเป็นระดับที่กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าเป็นระดับที่เป็นกลาง
หากเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพฤษภาคม ก็จะเป็นครั้งแรกที่เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา
วันนี้ นักลงทุนยังได้รับแรงกดดัน จากสถานการณ์ในยูเครน ที่มีหลายสัญญาณแสดงให้เห็นถึงการก้าวถอยหลังในเจรจาสันติภาพ นับแต่ที่มีการพบศพพลเรือนในเมืองบูจา ของยูเครนเป็นจำนวนมาก และนานาชาติออกมาประณามรัสเซียว่า ก่ออาชญากรรมสงคราม ขณะที่รัสเซีย ไม่ยอมรับถึงการสังหารหมู่พลเรือน โดยอ้างว่า เป็นข่าวปลอม และเป็นการจัดฉากของชาติตะวันตก
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘SCBS’ ประเมิน เศรษฐกิจโลก-ไทย เข้าสู่ภาวะ ‘stagflation’ ช่วง 3-6 เดือน
- 10 เรื่องต้องรู้!! ‘TRUE-DTAC’ ควบรวมตั้งบริษัทใหม่ ส่งผลอะไรบ้าง
- ‘เลบานอน’ ประกาศล้มละลาย!! หลัง ‘เศรษฐกิจ’ อยู่ในภาวะวิกฤติตั้งแต่ปี 62