Stock

เงินเฟ้อสูง ราคาของแพงขึ้น หุ้นแบบไหนน่าลงทุน?

อัตราเงินเฟ้อ (Inflation) คือ สภาวะที่ราคาสินค้าและบริการในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มูลค่าเงินในกระเป๋าเราลดลง เพราะเวลาจะของแต่ละชิ้นก็ต้องใช้เงินมากขึ้น ดังนั้น เงินเฟ้อจึงมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนเป็นวงกว้าง

วิธีการเอาชนะเงินเฟ้อ เราจึงต้องหาทางเพิ่มค่าของเงินในกระเป๋าตัวเองให้มากกว่าเดิม ซึ่งก็อาจจะมาจากการสร้างรายได้ที่สูงขึ้น หรือการนำเงินไปลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้เงินนั้นเติบโตมากกว่าเดิม

นอกจากเงินเฟ้อจะส่งผลต่อภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว เงินเฟ้อยังมีผลกระทบต่อการลงทุนอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Interest Rate) ปรับลดลง รวมทั้งเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ

หุ้นแบบไหนน่าลงทุน e1641735565380

คำถามที่ตามมาคือ หุ้นแบบไหนล่ะที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อ เนื่องจากปัจจุบันเราเริ่มเห็นแนวโน้มชัดเจนแล้วว่าเงินเฟ้อกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง จากราคาสินค้าที่แพงอย่างก้าวกระโดด โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าเนื้อหมู ปี 2565 จะมีราคา 190-220 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปี 2564 และจะส่งผลให้เนื้อไก่-ผัก เตรียมขึ้นราคาตามในอนาคต

ลงทุนอะไรดีในช่วงเงินเฟ้อ

ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ การเกิดเงินเฟ้ออ่อน ๆ ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อภาพรวมตลาดหุ้น เพราะเป็นสัญญาณบวกว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตไปข้างหน้า แต่หากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นรวดเร็วจนเกินไป ก็จะเป็นผลกระทบเชิงลบ เพราะมีผลต่ออัตราดอกเบี้ยซึ่งเป็นต้นทุนทางการเงินของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม หุ้นแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมย่อมอ่อนไหวต่อเงินเฟ้อไม่เท่ากัน โดยกลุ่มที่ได้ประโยชน์ มีดังนี้

shutterstock 2011370996 scaled e1641734466194

1. หุ้นที่ประกอบธุรกิจนำเข้า

เงินเฟ้อมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันกับอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากธนาคารกลางจะพยายามลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ ด้วยการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงพยุงไม่ให้ค่าเงินอ่อนค่าลงไปมากกว่านี้

แปลว่าเมื่ออัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น จึงส่งผลกระทบทางอ้อมให้ค่าเงินของประเทศแข็งค่า ทำให้ที่ประกอบธุรกิจนำเข้า ได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ จากต้นทุนการนำเข้าสินค้าที่ต่ำลง คือ ใช้เงินซื้อสินค้าเท่าเดิม แต่ได้ของในปริมาณที่มากขึ้น แถมยังสามารถนำมาเพิ่มราคาขายในประเทศได้แพงขึ้นอีกด้วยในช่วงที่เกิดเงินเฟ้ออยู่

ตัวอย่างหุ้นนำเข้า เช่น TFG, TVO, RSP, WINNER, COM7, SYNEX, JMART เป็นต้น

2. หุ้นธนาคาร

หุ้นธนาคารจะได้ประโยชน์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่โตตามเงินเฟ้อ และมีรายได้จากสินเชื่อที่มีโอกาสเติบโตขึ้น เนื่องจากผลของอัตราดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้น ทำให้ธนาคารมีช่องว่างปรับดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อเพิ่มส่วนต่างของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin)

ตัวอย่างหุ้นธนาคาร เช่น SCB, KBANK, BBL, BAY, KTB, TTB เป็นต้น

shutterstock 1908761479 scaled e1641735794205

3. หุ้นวัฏจักร

หุ้นที่มีลีกษณะเป็น Cyclical Stock หรือขายสินค้าสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ยางมะตอย ยางพารา มักจะปรับตัวขึ้นตามวัฏจักรเศรษฐกิจ ซึ่งปกติแล้วเมื่อเงินเฟ้อ เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังจะกลับมาโตในอนาคต อีกทั้งเงินเฟ้อยังมีความสัมพันธ์โดยตรงกับราคาขายสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้น จึงมักมีการเก็งกำไรหุ้นเหล่านี้เอาไว้แต่เนิ่นๆ

ตัวอย่างหุ้นวัฏจักร เช่น RCL, TTA, PSL, PRM, BANPU, TSTH, STA, NER, PTTEP เป็นต้น

เงินเฟ้อถือว่าเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญต่อการกำหนดทิศทางการลงทุน การมีความรู้ความเข้าใจธรรมชาติของสินทรัพย์ที่ลงทุนว่ามีความสันพันธ์อย่างไรกับเงินเฟ้อ จะช่วยให้เราสามารถพร้อมเรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนไปในอนาคต ได้ดีขึ้น

shutterstock 1989381002 scaled e1641735757766

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน