5 หุ้น กลยุทธ์การลงทุนปี 2565 เพื่อสยบปีเสือ ท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอนที่ยังคงสูงอยู่ หากยังอยากลงทุนในหุ้นไทยก็คงต้องเพิ่มความระมัดระวัง และพยายามเลือกหุ้นที่มีความทนทานต่อความผันผวนได้ดี เพราะฉะนั้น หนึ่งในทางเลือกนั่นคือ หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง เป็นผู้นำในธุรกิจ และมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน
หุ้นแข็งแกร่งจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าการเติบโตก็จะเริ่มช้าลง ไม่หวือหวา แต่ลักษณะเด่นของหุ้นกลุ่มนี้อยู่ที่ความมั่นคง และมีความผันผวนต่ำกว่าหุ้นโตเร็ว ขณะเดียวกัน ก็มักถือเงินสดในมือที่มาก ทำให้สามารถนำมาปันผลให้ผู้ถือหุ้นหรือใช้ซื้อกิจการอื่นได้
สำหรับใครที่ต้องการค้นหาหุ้นแข็งแกร่ง หนึ่งในหลักการที่เราเลือกใช้ คือ Economic MOAT ปรัชญาการเลือกหุ้นของ ‘Warren Buffett’ ที่เป็นการคัดเลือกหุ้นแข็งแกร่งที่มีป้อมปราการทางธุรกิจ 5 อย่างด้วยกัน ดังนี้
Intangible Assets คือ สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน เช่น แบรนด์สินค้า สิทธิบัตร และสัมปทาน เป็นต้น
Switching Costs คือ ต้นทุนการเคลื่อนย้ายที่สูง ลูกค้าย้ายไปหาคู่แข่งได้ยาก
Network Effect คือ การมีเครือข่ายทางธุรกิจ เมื่อผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น มูลค่าของสินค้าก็จะเพิ่มขึ้นตาม
Cost Advantage คือ ความได้เปรียบทางด้านต้นทุน ซึ่งมาจาก Economy of Scales ทำให้บริษัทสามารถขายของในราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง
Efficient Scale คือ การทำธุรกิจในตลาดที่มีขนาดจำกัด โดยผู้เล่นหน้าใหม่เข้าไปแข่งขันในธุรกิจได้ยาก หรือไม่สามารถเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด
เราสามารถใช้หลักการ Economic MOAT ช่วยคัดเลือกหุ้นแข็งแกร่งเข้าพอร์ตได้ โดยหุ้นที่เข้าคอนเซ็ปต์นี้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ดังนั้น บทความนี้จึงได้สำรวจ 5 หุ้นแข็งแกร่งที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) สูงที่สุด และเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทย สำหรับเป็นไกด์ไลน์ในการศึกษาหาหุ้นที่มีลักษณะแบบ Economic MOAT
1. หุ้น PTT หรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
Market Cap. มูลค่า 1,085,394 ล้านบาท
ผู้นำในกลุ่มธุรกิจพลังงานแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้แก่ ธุรกิจสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน โรงกลั่น ปิโตรเคมี และค้าปลีก
2. หุ้น AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
Market Cap. มูลค่า 882,142 ล้านบาท
ผู้นำในธุรกิจท่าอากาศยานของประเทศไทย ทั้งหมด 6 แห่ง คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่
3. หุ้น ADVANC หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
Market Cap. มูลค่า 678,055 ล้านบาท
ผู้นำในธุรกิจบริการสื่อสารโทรคมนาคม โทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิส
4. หุ้น GULF หรือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
Market Cap. มูลค่า 557,325 ล้านบาท
ผู้นำในธุรกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
5. หุ้น CPALL หรือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
Market Cap. มูลค่า 536,740 ล้านบาท
ผู้นำในธุรกิจร้านสะดวกซื้อแบบครบวงจร ภายใต้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven รวมถึงการผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป ตัวแทนรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการ
หมายเหตุ : อ้างอิงมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ ปี 2564 โดยการคัดกรองหุ้นในบทความนี้ใช้เพื่อศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมู-ไก่’ ราคาแพง หุ้นแบบไหนได้ประโยชน์?
- มุมมองการลงทุน วิเคราะห์ ‘หุ้นเด่น ปี 2565’
- หุ้นปลอดภัย ได้ประโยชน์โควิดสายพันธุ์ใหม่ Omicron
