ตลาดหุ้นสหรัฐ ซือขายช่วงเช้าวันนี้ (21 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ทะยานสูงขึ้น จากการที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับ ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เกิดจาก วิกฤติเอเวอร์แกรนด์ แต่ขาขึ้น ยังถูกจำกัดจากความกังวลในเรื่องที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ อาจส่งสัญญาณว่า พร้อมที่จะเพิ่มความเข้มงวดในนโยบายการเงิน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 34,165.86 จุด ทะยานขึ้น 195.39 จุด หรือ 0.58% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,380.12 จุด ปรับขึ้น 22.39 จุด หรือ 0.51% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,815.73 จุด พุ่งขึ้น 101.82 จุด หรือ 0.69%
ดาวโจนส์ปิดร่วงลง 1.8% เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ท่ามกลางความวิตกว่าการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
นายมาร์โค โคลาโนวิช นักวิเคราะห์ของเจพี มอร์แกน ระบุว่า เขายังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้น แม้เกิดวิกฤติหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ โดยการทรุดตัวของวอลล์สตรีทเมื่อวานนี้ ถือเป็นโอกาสในการเข้าช้อนซื้อหุ้นของนักลงทุน โดยการดิ่งลงของดัชนีดาวโจนส์เกิดจากการที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ และนักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก และมีปฏิกริยาต่อข่าวเอเวอร์แกรนด์มากเกินไป
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐ ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญการปรับฐาน จากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ การผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเดือนนี้ สภาคองเกรสอาจให้การอนุมัติการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ความกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
คณะกรรมาธิการจัดสรรงบประมาณประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เปิดเผยว่า สภาผู้แทนราษฎรจะทำการอภิปรายและลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ในวันนี้ เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 3 ธันวาคม เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน
นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรจะทำการอภิปรายและลงมติต่อการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐในวันนี้เช่นกัน
นักลงทุนยังจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้และพรุ่งนี้ ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดอาจส่งสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมครั้งนี้ หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ก่อนสิ้นปี
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนสิงหาคม สู่ระดับ 1.615 ล้านยูนิต สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.555 ล้านยูนิต จากระดับ 1.554 ล้านยูนิตในเดือนกรกฎาคม
อย่างไรก็ดี การเริ่มต้นสร้างบ้านยังคงได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และการขาดแคลนแรงงาน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จีนอัดเงินเกือบ 5 แสนล้าน หวังเสริมสภาพคล่อง รับมือวิกฤติ ‘เอเวอร์แกรนด์’
- ‘เอเวอร์แกรนด์’ ยักษ์อสังหาเบอร์ 2 จีน แจ้งขาดสภาพคล่อง แบกหนี้ 10 ล้านล้าน!
- หุ้นสัปดาห์หน้า แกว่งรอผลประชุมเฟด ขณะเงินบาทแนวโน้มอ่อนค่า