Stock

‘ทรีนีตี้’ คัด 7 หุ้นเด่นน่าลงทุนรับไตรมาสแรกปีมังกร เชื่อเฟดยังไม่ลดดอกเบี้ย

“ทรีนีตี้” คัด 7 หุ้นเด่นใน SETESG-SETHD น่าลงทุนรับไตรมาสแรกปีมังกร ให้ระดับดัชนีเหมาะสมกรณีฐานที่ 1,410 จุด และกรณีดีสุดที่ 1,515 จุด เชื่อเฟดและ ธปท. ยังไม่ปรับลดดอกเบี้ย

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ทรีนีตี้ เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาสแรกปี 2567 หรือปีมังกรว่า ดัชนี SET มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways ออกด้านข้าง จากระดับดัชนีกรณีฐานที่ 1,410 จุด อิง Forward PE ที่ 12.5 เท่า

หุ้นเด่น

ขณะที่สภาพคล่องภายในยังไม่น่าจะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยมากนัก หลังจากเงินส่วนใหญ่ยังคงกองอยู่ในบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ (FCD) ซึ่งยังไม่น่าจะมีท่าทีไหลออก จากการที่ Fed ยังไม่น่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในช่วง 3 เดือนแรกของปี ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯกับไทยน่าจะยังคงยืนกว้างอยู่เหมือนเดิม

“หุ้นไทยและหุ้นโลกในช่วงไตรมาสจะถูกรบกวนจากสิ่งรบกวนรอบข้าง (Noise) ในระดับต่ำ คล้ายๆ กับช่วงครึ่งหลังของไตรมาส 4 ปี 2023 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตลาดหุ้นทุกแห่งจะปรับตัว Sideways เหมือนกันทั้งหมด จะขึ้นอยู่กับ Performance ของตลาดหุ้นแต่ละแห่งจะแตกต่างกันไปบ้าง ตามแนวโน้มพื้นฐานกำไรของแต่ละประเทศเป็นสำคัญ” นายณัฐชาต กล่าว

7 หุ้นเด่นน่าลงทุน

นายณัฐชาต กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนประจำไตรมาสที่ 1 ปีมังกรนั้น หุ้นกลุ่ม SETESG และ SETHD น่าจะเป็นกลุ่มที่เม็ดเงินไหลเข้า โดยจากการศึกษาทางสถิติในอดีต พบรายชื่อหุ้นที่อยู่ในทั้ง 2 ดัชนีที่มีความเชื่อมั่นทางสถิติสูงเกินกว่า 70% ขึ้นไป ว่าจะส่งมอบผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ในช่วง 4 เดือนแรกของปี จะได้รายชื่อหุ้นที่ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดดังกล่าวอยู่ 7 บริษัทด้วยกันได้แก่ ADVANC, AP, BCH, INTUCH, PTT, SIRI, TISCO ทรีนีตี้จึงแนะนำหุ้น 7 ตัวนี้เป็น Best picks ประจำไตรมาสที่ 1 และแนะนำให้นักลงทุนจัดสรรการลงทุนกระจายไปยังหุ้นทั้ง 7 ตัวนี้

หุ้นเด่น

ในส่วนของประเทศไทยที่ถูกปรับลดประมาณการลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้เป็นตลาดหุ้นหนึ่งที่ปรับตัวแย่ที่สุดของโลก หากในช่วงต้นปีนี้เศรษฐกิจมีแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค (Easy E-Receipt) การต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพ รวมถึงการอนุมัติงบประมาณฉบับใหม่ คาดว่าจะเริ่มเห็นแนวโน้มการปรับประมาณการกำไรขึ้นของกลุ่มที่อิงกับภาคอุปสงค์ภายในประเทศได้ เมื่อมาประกอบกับแนวโน้มกำไรของกลุ่ม Global cyclical อย่างพลังงานและปิโตรเคมี ที่น่าจะทรงตัวได้จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่น่าจะมีความเสี่ยงหดตัวแรง ทำให้พอเชื่อได้ว่าแนวโน้มกำไรตลาดหุ้นไทยในไตรมาสแรก น่าจะเห็นการทยอยปรับเพิ่มประมาณการขึ้นจากช่วงไตรมาส 4 ปี 2566 ได้บ้าง

ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 2 การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก กล่าวคือความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอยและท่าทีของ Fed เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ว่าจะช้าเร็วขนาดไหน โดยหาก Fed มีการลดดอกเบี้ยเร็วก่อนที่เศรษฐกิจโลกจะมีสัญญาณความเสี่ยงถดถอย มีโอกาสที่ SET Index จะปรับตัวขึ้นทดสอบกรณีดีสุดที่ระดับ 1,515 จุด อิง Forward PE ที่ 13.4 เท่า

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK