“บอร์ด ปตท.” กางแผนลงทุน 5 ปี ทุ่มงบ 89,203 ล้านบาท พร้อมเตรียมงบ Provisional Capital Expenditure 106,932 ล้านบาท ขยายการลงทุนในช่วงการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ได้มีมติอนุมัติงบลงทุน 5 ปี (ปี 2567 – 2571) ของ ปตท. และบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% วงเงินรวม 89,203 ล้านบาท โดยมีการลงทุนในธุรกิจหลัก (Core Business) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของงบการลงทุน 5 ปี ประมาณ 51%
โดยมีโครงการหลัก อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 และโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 8 รวมทั้งโครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 และเพื่อให้การลงทุนสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ ปตท. “Powering life with future cnergy and beyond” นั้น ปตท. ยังมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ผ่านบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% อาทิ โครงการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร เช่น โครงการ EVme ซึ่งให้บริการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Horizon Plus โครงการการลงทุนในธุรกิจโรงงานประกอบแบตเตอรี่ โดยใช้เทคโนโลยี Cell- To- Pack (CTP) รวมถึง โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 และ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3
นอกจากนี้ ปตท. ยังได้จัดเตรียมงบลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างหาโอกาสลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้าอีกจำนวน 106,932 ล้านบาท โดยหลักเพื่อการขยายการลงทุนในช่วงการเปลี่ยนผ่าน พลังงาน เช่นการขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานเปลี่ยนผ่าน (Transition FucI) โดยมุ่งเน้นการขยายโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และการขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลวอย่างครบวงจร (LNG Value Chain) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การขยายการลงทุนของธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลายในการสร้างถังเก็บผลิตภัณฑ์ รวมถึงมุ่งเน้นธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ อาทิ การลงทุนในธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ (Life science) ซึ่งรวมถึง ธุรกิจยา ธุรกิจโภชนาการ และอุปกรณ์และการวินิจฉัยทางการแพทย์ ธุรกิจ AI & Robotics เพื่อเป้าหมายการเป็นผู้นำการให้บริการ ด้าน AI & Robotics ในอนาคต ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจ โลจิสติกส์ และ โครงสร้างพื้นฐานโดยมุ่งเน้นการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายขนส่งทั้งหมดของประเทศ
บอร์ดปตท. ยัง ได้มีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างการถือหุ้นบริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (GRP) โดยอนุมัติให้บริษัท ปตท.โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จำกัด (PTTGM ) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.ขายหุ้นสามัญของ GRP (บริษัทย่อยที่ PTTGM ถือหุ้น 50%) ให้แก่ บริษัทโกลบอลรีนิวเอเบิล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GRSC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) ถือหุ้นในสัดส่วน 100% จำนวน 10,007,500 หุ้น (คิดเป็นสัดส่วน 50%) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท รวมมูลค่าการซื้อขายหุ้นทั้งสิ้นประมาณ 1,275 ล้านบาท คาดธุรกิจจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ปี 2567
ทั้งนี้ GRP ประกอบธุรกิจลงทุนโซลาร์ทั้งในและต่างประเทศ และการปรับโครงสร้าง คร้ังนี้เป็นการดำเนินการเพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของกลุ่ม ปตท. ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของกลุ่ม ปตท.ในการผลักดัน GPSC ให้เป็นบริษัทแกนนำในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของกลุ่ม ปตท. (PTT Group’s Power Flagship) และเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานสะอาดทั้งในและต่างประเทศ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘Ignite Life Potential’ ปตท. จุดพลังไทย ผ่าน 10 เรื่องราวสะท้อนวิธีคิด ความมุ่งมั่น ตลอด 45 ปี
- ปตท. คว้ารางวัลส่งเสริมต้านคอร์รัปชันและธรรมาภิบาล ประจำปี 2566
- ‘ปตท.’ รุกผลิต ‘แบตเตอรีลิเธียม ไอออน’ ป้อน ‘Neta’ รับตลาด ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ไทย