Stock

วิเคราะห์หุ้น Healthcare ช่วงเวลาที่ ‘โรงพยาบาลขนาดเล็ก’ ดูน่าสนใจกว่า

วิเคราะห์หุ้น Healthcare ช่วงเวลาที่ “โรงพยาบาลขนาดเล็ก” ดูน่าสนใจกว่า

หลังจากหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลส่วนใหญ่มีกําไรในงวดไตรมาส 3 ปี 2566 แข็งแกร่งที่สุดในรอบปี ไม่ว่าจะเป็น
BDMS กำไรสุทธิ 3,890 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY
BH กำไรสุทธิ 1,954 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% YoY
BCH กำไรสุทธิ 441 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ
CHG กำไรสุทธิ 326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% YoY
THG กำไรสุทธิ 310 ล้านบาท ลดลง 29% YoY
VIBHA กำไรสุทธิ 292 ล้านบาท ลดลง 8% YoY
PR9 กำไรสุทธิ 140 ล้านบาท ลดลง 5% YoY
RJH กำไรสุทธิ 121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% YoY
EKH กำไรสุทธิ 93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% YoY

หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลกําไรไตรมาส 3 ปี 2566@300x 100 0

หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลกําไรไตรมาส 3 ปี 2566 copy@300x 100 0

แต่เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 ของปี เป็นปกติที่กําไรของกลุ่มโรงพยาบาลจะอ่อนตัวลง QoQ เพราะปัจจัยทางฤดูกาล แต่ในปีนี้ บล. เคจีไอ มองว่ากำไรหลักในไตรมาส 4/2566 หุ้นโรงพยาบาลน่าจะยังคงแข็งแกร่ง หนุนจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของจํานวนผู้ป่วยทั่วไป และผู้ป่วยที่มารับการรักษาประเภทที่มีความซับซ้อน (intensity) เพิ่มขึ้น

จึงยังคงมุมมองบวกต่อธุรกิจโรงพยาบาล เนื่องจากยังมีอัตราการเติบโตของกําไรต่อเนื่องในระยะยาว ด้วยปัจจัยหนุนหลักจาก

1. การรักษาพยาบาลมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น หรือที่เรียกว่าศูนย์ความเป็นเลิศ (Center of Excellence:COE) ในทุกโรงพยาบาล

2.  การเป็นสังคมสูงวัยในประเทศไทย

3.  การแข่งขันในด้านคุณภาพบริการและราคาสําหรับผู้ป่วยต่างชาติ เมื่อเทียบกับโรงพยาบาลเดียวกันในภูมิภาคและประเทศพัฒนาแล้วต่างๆ

อย่างไรก็ดี เชื่อว่านี่ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการแนะนําให้ลงทุนหุ้นโรงพยาบาลขนาดเล็ก หลังจากที่ผ่านฐานกําไรสูงในช่วงครึ่งปีแรก 2566 ไปแล้ว  คาดว่าโรงพยาบาลขนาดเล็กหลายแห่งสามารถทํารายได้อยู่ในระดับสูงกว่าช่วงก่อนโรค COVID ระบาด

โดยให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มโรงพยาบาลที่ Overweight ชื่นชอบหุ้น BCH หรือ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) และหุ้น CHG หรือ บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นเด่นใหม่ในกลุ่มนี้จากประเด็นบวกดังกล่าว

shutterstock 611606933

สำหรับ BCH ให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 24 บาทต่อหุ้น คาดกําไรสุทธิในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 442 ล้านบาท (+63.9% YoY และ +0.3% QoQ)

ส่วน CHG ให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 3.70 บาทต่อหุ้น คาดกําไรสุทธิในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 233 ล้านบาท (-18.2% YoY และ -28.4% QoQ)

นอกจากนั้น บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ระบุว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่จะขยายการรองรับผู้ป่วยในอนาคตเพื่อให้ก้าวทันกับการเติบโต หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือมีอัตรากําไร (margin) สูงขึ้นในระยะยาวจากการใช้ประโยชน์ของสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมา BH ถือเป็นแบบอย่างของผลการดําเนินงานที่ประสบผลสําเร็จมาแล้ว ด้วยอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่น่าประทับใจอยู่ที่ 26.7% ในปี 2565 ขณะที่ BDMS ก็ยังคงเป็นหุ้นเด่นเช่นกัน ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 37.50 บาทต่อหุ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน