ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (24 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” เพิ่มขึ้น 117.12 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากตลาดเปิดทำการเพียงครึ่งวัน ขณะนักลงทุนพิจารณาแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลชอปปิง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,390.15 จุด เพิ่มขึ้น 117.12 จุด หรือ +0.33% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,559.34 จุด เพิ่มขึ้น 2.72 จุด หรือ +0.06% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 14,250.85 จุด ลดลง 15.00 จุด หรือ -0.11%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.3% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 1% และดัชนีแนสแด็ก บวก 0.9% โดยดัชนีทั้ง 3 ตัวปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดตลาดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ขณะที่กลุ่มบริการด้านการสื่อสาร และกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง
ด้านเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ทรงตัวที่ระดับ 50.7 ในเดือนพฤศจิกายน โดยดัชนี PMI อยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐ
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่กำหนดเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มลดดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรก ซึ่งจะถูกกำหนดโดยอัตราเงินเฟ้อที่จะชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
นอกจากนี้ นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ๆ ของสหรัฐในสัปดาห์หน้า อาทิ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3/2566 (ประมาณการครั้งที่ 2) ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนตุลาคม ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนตุลาคม ราคาบ้านเดือนกันยายน จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ส่องกลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทยโค้งสุดท้าย! แนะเก็บหุ้นปันผล รับฟันด์โฟลว์ไหลเข้า
- 9 เดือนแรกปีนี้ หุ้นอะไรบ้างให้ผลตอบแทนสูงสุด
- ตลท. ชี้ความขัดแย้งตะวันออกกลางกดดันหุ้นทั่วโลก แนะติดตามข้อมูลรอบด้าน