ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (3 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ทรุดหนัก ดิ่งลงกว่า 400 จุด หลุดเส้น 33,000 จุด แรงกดดันจากการพุ่งสูงของบอนด์ยีลด์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 32,997.66 จุด ดิ่งหนัก 435.69 จุด หรือ 1.30% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,224.51จุด ลดลง 63.88 จุด หรือ 1.49% และดัชนีแนสแด็ก ที่ 13,066.77 จุด ร่วงลง 241.01 จุด หรือ 1.81%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยีลด์) สหรัฐ อายุ 10 ปี และ 30 ปี พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังคลายกังวลเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์
ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
นักลงทุนยังเพิ่มน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยก่อนสิ้นปี 2566 โดยอาจเกิดขึ้นในการประชุมเดือนพฤศจิกายน หรือธันวาคม ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงิน 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 34.9% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 16.4% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนยังให้น้ำหนัก 40.5% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมเดือนธันวาคม หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 33.5% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงาน และอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน พุ่งขึ้นเกือบ 700,000 ตำแหน่ง มาอยู่ที่ 9.61 ล้านตำแหน่งในเดือนสิงหาคม สูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 8.8 ล้านตำแหน่ง
ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ย
ตลาดยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘สหรัฐ’ รอด ‘ชัตดาวน์’ สภาสูงยอมผ่านร่างงบฯ ชั่วคราว
- ‘พาวเวล’ ส่งสัญญาณ ‘เฟด’ อาจขึ้นดอกเบี้ยอีก จนบรรลุเป้าเงินเฟ้อ 2%
- ‘โกลด์แมน แซคส์’ คาด ‘แบงก์ชาติสหรัฐ’ ไม่ขึ้นดอกเบี้ย ประชุมเดือนพฤศจิกายน