ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (6 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงลง 198.78 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคบริการที่แข็งแกร่งเกินคาด สร้างความกังวลว่า สหรัฐยังคงเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ และอาจทำให้ “เฟด” ตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงไปอีกนาน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 34,443.19 จุด ลดลง 198.78 จุด หรือ -0.57% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,465.48 จุด ลดลง 31.35 จุด หรือ -0.70% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 13,872.47 จุด ลดลง 148.48 จุด หรือ -1.06%
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 54.5 ในเดือนสิงหาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.5 จากระดับ 52.7 ในเดือนกรกฎาคม แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตัวเลขจ้างงาน
การที่ดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 บ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐขยายตัวต่อเนื่อง โดยดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่
ขณะผลสำรวจของ CME Group ระบุว่า หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนี ISM ภาคบริการ นักลงทุนให้น้ำหนัก 48.8% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 1 พฤศจิกายน และให้น้ำหนัก 93% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19-20 กันยายนนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน จะยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น และจะส่งผลให้เฟดตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 9 วันทำการ และทำสถิติปิดในแดนบวกที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2562
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- คัด 7 หุ้นเด่นเดือนกันยายน ช่วงเยียวยา SET Index ตลาดโลกผันผวน-การเมืองราบรื่น
- ‘โกลด์แมน แซคส์’ คาด ‘เฟด’ เริ่มหั่นดอกเบี้ยไตรมาส 2 ปี 67
- ‘ยูบีเอส’ ชี้ ตัวเลข ‘เงินเฟ้อ’ สหรัฐ ต่ำกว่าคาด หนุน ‘เฟด’ ยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น