Stock

คัด 7 หุ้นเด่นเดือนกันยายน ช่วงเยียวยา SET Index ตลาดโลกผันผวน-การเมืองราบรื่น

“บล.เอเซีย พลัส” คัด 7 หุ้นเด่นเดือนกันยายน ช่วงเยียวยา SET Index ตลาดโลกผันผวน-การเมืองราบรื่น

บล.เอเซีย พลัส (ASP) เปิดกลยุทธ์ลงทุนในเดือนกันยายนนี้ว่า จะเป็นช่วงเยียวยา SET Index โดยปัจจัยภายนอกคลุมเครือทั้งเรื่องดีและร้าย หนุนตลาดโลกผันผวนในกรอบแคบ ในส่วนของปัจจัยภายในการเมืองราบรื่น คาด ครม.ชุดใหม่ ทำงานเดือนนี้ แม้กำไรไตรมาส 2/2566 ต่ำคาด แต่ฟื้นชัดเจนขึ้นในครึ่งหลังปี 2566 และปี 2567 ซึ่งทุก ๆ ปัจจัยสนับสนุนให้ FUND FLOW และสภาพคล่องกลับมาหนุนหุ้นไทย ลุ้นซื้อขาย PE ที่สูงขึ้นได้ หุ้นเด่นเดือนกันยายน แนะนำ JMART, BJC, CK, BEM, BBL, AMATA, TOP

หุ้นเด่นเดือนกันยายน

เดือนกันยายน ปัจจัยมีทั้งดีและร้ายแต่ด้วยปัจจัยการเมืองเริ่มผ่อนคลาย ปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่าช่วงก่อนหน้าช่วยหนุน SET มี Momentum ปรับขึ้นต่อได้ โดยรายละเอียดปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายใน มีดังนี้

ปัจจัยภายนอก

  1. วัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้จบ หลังจาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้วใน 1 ปี 7 เดือน จาก 0.25% มาเป็น 5.5% ซึ่งสูงกว่าเงินเฟ้อปัจจุบันที่ลดลงเหลือ 3.3% พอสมควร ส่งผลให้ตลาดคาด Fed น่าจะคงดอกเบี้ยไปจนถึงต้นปี 2567 ก่อนทยอยปรับลง
  2. รัฐบาลจีนเตรียมออกมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า และภาคอสังหาฯ มีหนี้สูง พร้อมผิดนัดชำระ ซึ่งประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางตรงกับจีนทั้งทางตร (เศรษฐกิจ) และทางอ้อม(ตลาดหุ้น)

หุ้นเด่นเดือนกันยายน

ปัจจัยภายในประเทศ

  1. การเมืองมีพัฒนาการเชิงบวกมากเรื่อย ๆ หลังผ่านระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่มาเกินกว่า 3 เดือนครึ่ง และน่าจะเห็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ในช่วงที่เหลือของปี ทั้งการลดราคาพลังงาน, ฟรีค่าธรรมเนียม VISA สำหรับนักท่องเที่ยว และความคาดหวังการแจกเงิน Digital 10,000 บาท ในระยะถัดไป
  2. มูลค่าซื้อขายหุ้นไทยเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังการเมืองคลี่คลาย โดยช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2566 อยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท/วัน สู่ระดับ 6 หมื่นล้านบาท/วัน ในช่วงหลังโหวตนายกฯ
  3. มีการปรับประมาณการลงทั้งในส่วน GDP Growth และ EPS66F หลังไตรมาส 2 ตัวเลขออกมาต่ำคาด

ในมุมผลประกอบการ ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลงจาก 1.12 แสนล้านบาท เหลือ 1.09 แสนล้านบาท คิดเป็น EPS66F จาก 91.8 บาท/หุ้น เหลือ 88.6 บาท/หุ้น ประเมินเป้าหมาย SET INDEX ปี 2566 โดยอิง MEYG ที่ระดับ 3.5% จะได้ดัชนีเป้าหมายปี 2566 ที่ 1541 จุด แต่ถ้าอิง MEYG 3.3% (มูลค่าซื้อขายกลับมาสูงกว่า 6 หมื่นล้านบาท/วัน) จะได้ดัชนีเป้าหมายปี 2566 ที่ 1595 จุด

ในส่วนของ Fund Flow มีโอกาสกลับมาไหลเข้าในช่วงที่เหลือของปี หลังตลาดหุ้นไทยผ่านการปรับฐานลงมาพอสมควร และผ่านช่วงสุญญากาศทางการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2566

9EE9CC87DA939D9BB872994BB2C6CB0C

ขณะที่กลุ่มหุ้นที่มีโอกาส Outperform ได้ คือ กลุ่มหุ้นที่มีกำไรเติบโตเด่นในช่วงครึ่งหลังปี 2566 คือ PETRO, MEDIA, STEEL, FOOD, INSUR, TRANS, PKG, PROP, และ COMM เป็นต้น

กลยุทธ์การลงทุนในเดือนกันยายนเลือกหุ้นที่ได้ SENTIMENT บวกในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง และแนวโน้มกำไรฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่าง

  1. JMART
  2. BJC
  3. CK
  4. BEM
  5. BBL
  6. AMATA
  7. TOP

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK