หุ้นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังน้ำ อย่าง CKP หรือ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 รายได้รวมอยู่ที่ 2,565 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขายไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 (NN2) น้อยลง เพราะปริมาณนํ้าในอ่างเก็บนํ้ำตํ่ากว่าปีก่อน และมีปริมาณนํ้าไหลเข้าอ่างเก็บนํ้าน้อยลงด้วย
ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2566 บริษัทมีกำไรเพียง 2 ล้านบาท ลดลงถึง 111.4% จากช่วงปีก่อน แต่หากเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ถือว่าปรับตัวดีขึ้น เผชิญกับผลขาดทุนสุทธิ 104 ล้านบาท เนื่องด้วยโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ที่มีผลขาดทุนลดลง อีกทั้งยังได้รับผลบวกจากโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น (BIC) ที่ปริมาณขายเพิ่มขึ้นและต้นทุนก๊าซฯลดลง
จับตาราคาหุ้น CKP
ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น CKP ได้มีการปรับตัวลงกว่า 15% หลังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงปัจจัยการเมือง ส่งผลให้ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PBV เพียง 1.1 เท่า เทียบเท่ากับค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 5 ปี -2SD ซึ่งเป็นระดับราคาที่อยู่ในโซนถูกมากทีเดียว
อย่างไรก็ตาม หลังการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2566 เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2566 ราคาหุ้น CKP กลับตัวเป็นขาขึ้นในระยะสั้น โดยราคาปัจจุบัน (28 ส.ค. 2566) อยู่ที่ระดับ 3.58 บาทต่อหุ้น หรือ +4% เมื่อเทียบจากวันประกาศงบไตรมาส 2/2566 แม้ว่าตัวเลขรายได้และกำไรจะยังคงโดนกดดันอยู่ก็ตาม
การที่ราคาหุ้นกลับมาเคลื่อนไหวเป็นบวกและใกล้เคียง SET ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หลัง underperform มาตลอด คาดว่าปัจจัยสำคัญมาจากการเข้าไฮซีซั่น ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำในไตรมาส 3 จากสถิติที่ผ่านมาราคาหุ้น CKP มักจะ outperform ตลาดในช่วงเวลาดังกล่าว แต่การที่หุ้นจะดีดเป็นขาขึ้นรอบใหม่แบบยาว ๆ หรือไม่นั้น อาจจะต้องมาลุ้นว่าปริมาณฝนปีนี้ว่าจะมาตามนัด หรือจะมาช้าและมาน้อย
คาดกำไรไตรมาส 3/2566 คือจุดสูงสุดของปี
นักวิเคราะห์ บล. หยวนต้า มีมุมมองว่าปริมาณน้ำเริ่มฟื้นตัว จะทำให้ CKP พลิกเป็นกำไรในไตรมาส 3/2566 เบื้องต้นคาดกำไรปกติที่ระดับ 700 -750 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนจากไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) พร้อมเชื่อว่าเป็นจุดสูงสุดของปี และสามารถล้างผลขาดทุนในช่วงครึ่งปีแรกได้ทั้งหมด
เนื่องจากปริมาณน้ำไหลเข้าโรงไฟฟ้า NN2 ในเดือนกรกฎาคม ปรับเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยรายเดือนในช่วงไตรมาส 2 ที่ 183 ล้านลูกบาศก์เมตร อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ประเมินว่าปริมาณน้ำไหลเข้าโครงการดังกล่าวในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน จะสูงขึ้นเช่นกัน หลังเขื่อนนัวจาตู้ (หนึ่งในเขื่อนหลักของจีน) เริ่มมีการระบายน้ำออกมามากขึ้น โดยเป็นผลจากการที่ฝนเริ่มตกมากขึ้น ได้รับอานิสงส์จากปริมาณน้ำฝนในลาว ที่สูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล
ส่วนมุมมองในระยะยาว คาดผลประกอบการของ CKP จะสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี (XPCL) ที่มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังอัตราดอกเบี้ยมีทิศทางคงตัวในช่วงที่เหลือของปี และยังมีโอกาสเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงปีหน้า สำหรับโรงไฟฟ้า XPCL มีภาระหนี้สินที่เป็นดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ราว 7.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 80% ของหนี้สินทั้งหมด นอกจากนี้ CKP มีแผนการลดต้นทุนทางการเงินของโครงการ XPCL ผ่านการออกหุ้นกู้ราว 5 พันล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงปลายปีนี้
เพราะฉะนั้น บล. หยวนต้า จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CKP เคาะราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 4.50 บาทต่อหุ้น โดยมองว่าที่ระดับราคาปัจจุบันตลาดได้สะท้อนปัจจัยลบต่าง ๆ ไปมากพอสมควรแล้ว และเป็นจังหวะที่ Valuation ย่อมาให้เก็บสะสมได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- CK โชว์กำไรครึ่งปีแรกโต 283% พร้อมจ่ายปันผล 0.15 บาท/หุ้น
- ครั้งแรกในไทย! เตรียมใช้ ‘พลังงานแสงอาทิตย์’ ขับเคลื่อน ‘ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน’
- ‘CKPower’ ตอกย้ำผู้นำโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ผ่านมาตรฐานระดับโลก ISO มุ่งสู่อนาคต ‘พลังงานสะอาด’
