Business

ครั้งแรกในไทย! เตรียมใช้ ‘พลังงานแสงอาทิตย์’ ขับเคลื่อน ‘ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน’

บมจ. ซีเค พาวเวอร์-บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ เซ็นสัญญาประวัติศาสตร์ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เดินรถไฟฟ้าระบบราง ครั้งแรกในไทย รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วงจะใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ประมาณ 12% ในการเดินรถ

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด  (มหาชน) (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของอาเซียน และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ชื่อย่อหลักทรัพย์: BEM) ผู้ให้บริการขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ามหานคร 2 สายในกรุงเทพฯ และทางด่วน ได้ลงนามในข้อตกลงที่จะนำไปสู่การใช้กระแสไฟฟ้า ที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ ในการเดินรถขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้าระบบรางครั้งแรกในประเทศไทย

เดินรถ

ข้อตกลงดังกล่าว เป็นการผนึกความร่วมมือระหว่างสองบริษัท ในการนำองค์ความรู้และทรัพย์สิน เพื่อใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการเดินรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) และสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ซึ่งมีระยะทางกว่า 71 กิโลเมตร ให้บริการขนส่งมวลชน 54 สถานีทั่วกรุงเทพฯ

เดินรถ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเป็นครั้งแรกที่มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ในการขับเคลื่อนระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนทางรางของประเทศไทย ในขอบเขตการทำงานขนาดใหญ่

“เรารู้สึกภูมิใจที่เป็นรายแรกในประเทศไทยที่บุกเบิกนำไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ มาใช้ในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน การร่วมมือกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพครั้งนี้ จะทำให้ประเทศไทยมีการใช้งานไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น”

เดินรถ
ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์

“สัญญาความร่วมมือนี้มีระยะเวลา 25 ปี โดยจะมีการผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนระบบรถไฟใต้ดิน ในปริมาณมหาศาลถึง 452 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง หรือคิดเป็น 12% ของไฟฟ้าที่ประเมินว่ารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินกับสายสีม่วงต้องใช้รวมกันทั้งหมด” นายธนวัฒน์ กล่าว

 เรามุ่งมั่นสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานของประเทศไทย ไปสู่พลังงานสะอาด บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2608 ความร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้เราสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 300,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์

เดินรถ

ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานของไทย ไปสู่พลังงานสะอาด และมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608

ความร่วมมือกับ ซีเค พาวเวอร์ ในครั้งนี้ จะทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 300,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ และยังช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าให้อีกด้วย

ดร.สมบัติกล่าวว่า ภายใต้ข้อตกลงนี้ พื้นที่ที่จะใช้รับพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อนำมาผลิตกระแสไฟฟ้ามีทั้งหมด 6 จุด ครอบคลุมพื้นที่กว่า 106,000 ตารางเมตร อาทิ หลังคาของศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า อาคารที่จอดรถ อาคารสำนักงานของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง

A4FA7734 8EC4 48FC 8E7C 331F20BCAA00
สมบัติ กิจจาลักษณ์

“โครงการนี้ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่สำคัญ ซึ่งทั้งสององค์กรกำลังศึกษาแผนงานในการก่อสร้าง และต่อยอดจากความร่วมมือประวัติศาสตร์นี้ เพื่อที่จะเพิ่มสัดส่วนการนำพลังงาน จากแหล่งหมุนเวียนมาใช้กับระบบขนส่ง ที่กำลังเติบโตขยายตัว และมีความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” ดร.สมบัติ กล่าว

ผลักดันไทยเปลี่ยนผ่าน สู่สังคมที่ใช้พลังงานจากแหล่งหมุนเวียน

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ซีเค พาวเวอร์ คือผู้บุกเบิกการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาค ด้วยองค์ความรู้เฉพาะทางที่ครบวงจร บริษัทพร้อมนำความเชี่ยวชาญ ในการออกแบบด้านวิศวกรรม ติดตั้ง และก่อสร้างระบบไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ตลอดจนดูแลเรื่องความพร้อมในการจ่ายไฟ และการบำรุงรักษาหลังการติดตั้งอย่างครบวงจร

โดยคาดว่างานออกแบบจะแล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2567 และจะเริ่มงานก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเดือนสิงหาคม 2567 ให้กับรถไฟฟ้าทั้งสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง และจะทยอยส่งมอบจนเต็มระบบในเดือนกุมภาพันธ์ 2568

เดินรถ

นายธนวัฒน์ กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือนี้ มีศักยภาพที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมที่ใช้พลังงานจากแหล่งหมุนเวียน หากโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนอื่น ๆ จะหันมาดำเนินกลยุทธ์ในลักษณะเดียวกัน ดังเช่นระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเยอรมัน ที่เป็นผู้ใช้พลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี

เดินรถ

“โครงการเหล่านี้เป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะ 3 ปี ที่ทางซีเค พาวเวอร์ตั้งเป้าไว้เมื่อต้นปี 2565 ที่จะขยายขนาดธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นมากกว่าเท่าตัวภายในปี 2567 พร้อมกับเพิ่มกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าจาก 2,000 เมกะวัตต์เป็น 4,800 เมกะวัตต์”

“กำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดจะมาจากพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังแสงอาทิตย์ พลังลม และพลังน้ำ โดยปัจจุบัน ซีเค พาวเวอร์ คือบริษัทที่มีสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ 93% สูงที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ของประเทศไทย”

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight